ตำรวจ ปคม.รุดช่วย ด.ญ.เสี่ยงถูกละเมิดทางเพศ อาศัยกับพ่อแม่ และพี่ชายติดยา

อุดรธานี - ตร.ปคม. พร้อมนายอำเภอวังสามหมอ และนักสังคมสงเคราะห์ รุดให้ความช่วยเหลือ ด.ญ.วัย 12 ปี ต้องอาศัยอยู่กับพ่อ แม่ และพี่ชายติดยาเสพติด เสี่ยงถูกละเมิดทางเพศ เผยเรียนดีแต่ไม่ชอบพูด อีกคนเป็น ด.ช.ถูกพ่อลงโทษเกินกว่าเหตุ

พ.ต.อ.ธนรัฐ รุ่งโรจน์ดี ผกก.3 บก.ปคม.ได้รับการร้องเรียนว่า มี ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี อาศัยอยู่กับครอบครัวที่มีพ่อ แม่ และพี่ชายติดยาเสพติด สภาพไร้บ้านอยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง และอีกกรณีมีเด็กอายุ 13 ปี ถูกพ่อลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีอย่างหนัก จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.วีระพงษ์ หอมหวล สว.กก.3 บก.ปคม. ร.ต.อ.เสรี ทวีทรัพย์ชวนัล รอง สว.กก.3 บก.ปคม. ลงพื้นที่ประสาน นายสุริยา พานิชพงศ์ นายอำเภอวังสามหมอ จ.อุดรธานี นายโชคชัย วิเชียรชัยยะ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุดรธานี ตรวจสอบ

จุดแรกเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังพื้นที่ว่างเปล่า หลังบ้านพักคนงานไร่อ้อย ซ.สาวแก่น ถ.ในเมือง ต.วังสามหมอ อ.วังสามหมอ เพื่อช่วยเหลือ ด.ญ.เอ อายุ 12 ปี เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงต้องตกใจเมื่อพบว่าสภาพที่พักอาศัยสุดเวทนา มีพลาสติกทำเป็นหลังคา ที่นอนเก่าใช้เป็นที่พักผ่อน 2 ที่ ที่แรกเป็นของพ่อแม่ และจุดที่ 2 เป็นของ ด.ญ.เอ พักผ่อนกับพี่ชาย คือ นายอโนชา อายุ 22 ปี ส่วนห้องน้ำมีเพียงสังกะสีกั้นเป็นส้วมซึม ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำ

จากการสอบถาม นายอโนชา กล่าวว่า พ่อกับแม่ไม่อยู่ออกไปตั้งแต่เมื่อวานยังไม่กลับ ส่วนน้องสาวไปเล่นข้างนอก บริเวณที่ดินผืนนี้เป็นที่ดินของยาย ซึ่งตนอาศัยอยู่กับยาย และน้องมาหลายปีแล้ว อยู่แบบอดมื้อกินมื้อ จากนั้นยายได้นำโฉนดที่ดินไปจำนอง ได้เงินมา 50,000 บาท นำเงินที่ได้มาเป็นค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูหลาน นานๆ แม่กับพ่อเลี้ยงจะมาหาบ้าง

จากนั้นเมื่อต้นปี 2557 ยายได้เสียชีวิตลง ไม่นานแม่กับพ่อเลี้ยงได้ขายตัวบ้านไม้ทิ้ง เหลือแต่เพียงที่ดินแล้วมาอาศัยแบบนี้ โดยตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ล่าสุด ได้ทำงานที่โรงสี แต่เพิ่งออกจากงานได้ 2 สัปดาห์ ส่วนน้องสาวคนนี้เป็นน้องคนละพ่อกัน ขณะอายุ 12 ปี เรียนอยู่โรงเรียนอนุบาลวังสามหมอ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยน้องสาวจะไปเรียนทุกวัน ซึ่งหลังเลิกเรียนน้องก็จะกลับมาบ้านเล่นที่บ้าน

นายสุริยา พานิชพงศ์ นายอำเภอวังสามหมอ เปิดเผยว่า เห็นสภาพความเป็นอยู่ถึงกับตกใจ เสี่ยงต่อการถูกละเมิดทางเพศ ที่สำคัญพ่อแม่ และพี่ชายเสพยาบ้า ไม่มีอาชีพ แต่ได้สอบถามครูประจำชั้นของ ด.ญ.เอ พบว่า เป็นเด็กดี เรียนเก่ง ฐานะยากจน ไม่มีเงินมาโรงเรียน แต่เก็บตัวเงียบไม่ค่อยพูด ทางโรงเรียนช่วยเหลือจัดเสื้อผ้าชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน และอาหารกลางวัน ที่อยู่อาศัยของครอบครัว ด.ญ.เอ ได้นำที่ดินไปจำนองกับเจ้าของโรงงานรับซื้ออ้อย และได้รื้อบ้านไม้ไปขายแล้วเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

จากตรวจสอบประวัติแม่ของ ด.ญ.เอ คือ น.ส.สมาน ทิพสีราช อายุ 43 ปี เป็นคนชาว จ.มหาสารคาม เคยมีสามีมาแล้ว 2 คน มีลูกด้วยกันคนละพ่อ ย้ายมาอยู่ใน อ.วังสามหมอ เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ส่วนพ่อของ ด.ญ.เอ ได้เสียชีวิตไปได้เกือบ 2 ปี ก่อนที่แม่ของเด็ก ด.ญ.เอ จะได้สามีใหม่คือนายณรงค์ฤทธิ์ เพ็ชรพรหม อายุ 35 ปี เป็นชาว จ.นครศรีธรรมราช และมีลูกด้วยกันอีก 1 คน เป็นชาย อายุราว 1 ขวบกว่า

ที่น่าเป็นห่วงคือ ครอบครัวของ ด.ญ.เอ มีประวัติการเสพยาติด ทั้งตัวพี่ชาย พ่อ และแม่ โดยที่นอนของพ่อแม่ ด.ญ.เอ ยังมีอุปกรณ์เสพยาเสพติดวางอยู่บนที่นอน ทั้งมีคดีความเกี่ยวข้องกับเสพยาเสพติด ส่วนการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่จะนำ ด.ญ.เอ ไปพักที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี เพื่อช่วยเหลือตามระบบขั้นตอนต่อไป

จุดที่ 2 เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังบ้านเช่าตรงข้ามที่ว่าการอำเภอวังสามหมอ เลขที่ 2/4 ถ.หน้าเมือง ต.วังสามหมอ อ.วังสามหมอ พบกับเด็กอายุ 13 ปี ซึ่งถูกพ่อแท้ๆ ลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีอย่างหนัก โดยที่บ้านหลังดังกล่าวพบกับ นายการ์ตูน หรือชาติกล้า แก้วเวียง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 309 ม.8 ต.บ้านธาตุ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี พร้อม ด.ช.ณัฐ อายุ 13 ปี และ ด.ช.นพ อายุ 6 ปี อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว

จากการสอบถาม นายการ์ตูน ยอมรับว่า ตนเป็นคนตี ด.ช.ณัฐ จริง เนื่องจากลูกไม่เชื่อฟัง จึงใช้คันเบ็ดตกปลาตีเข้าที่หลัง และศีรษะจนแตก ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าเจรจาเพื่อทำความเข้าใจ โดยมีเจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคาระห์ พร้อมผู้ปกครองร่วมพูดคุย โดยได้ข้อสรุปว่าจากนี้ต่อไป นายการ์ตูน จะไม่ลงโทษลูกด้วยการเฆี่ยนตีอีกต่อไป ซึ่งหากมีการลงโทษเช่นนี้อีกทางเจ้าหนาที่จะรับตัว ด.ช.ณัฐ เข้าสู่ระบบการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนต่อไป