ระยอง - โรงแรมระยอง รีสอร์ทเจ้าของสะพานท่าเทียบเรือ ยื่นฟ้องคดีอาญาหน.อุทยานเขาแหลมหญ้า ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 และผอ.สำนักอุทยาน ประพฤติมิชอบ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
เวลา 16.00น. วันนี้(18 กุมภาพันธ์) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนายสุเมธ สายทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ได้ส่งหนังสือทางอีเอ็มเอสให้ทางผู้ประกอบการโรงแรมระยอง รีสอร์ท ดำเนินการรื้อถอนสะพานท่าเทียบเรือ ที่ปลูกสร้างลงไปในทะเลยาว 380 เมตรภายใน 30 วันนั้น
นางสาววัชรี สุขอนันต์ เจ้าหน้าที่โรงแรมระยอง รีสอร์ท เปิดเผยว่า ทางโรงแรมมีความเห็นว่าทางอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด บิดเบือนข้อเท็จจริง จึงได้ส่งคำฟ้องศาลจังหวัดระยองให้สื่อมวลชน ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 คดีอาญาโดยบริษัท รีเสิช แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ ซิสเท็มส์ จำกัด มอบอำนาจให้นางอุทุมวรรณ บุญเลิศ ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ฟ้องนายสุเมธ จำเลยที่ 1 นายอยู่ เสนาธรรม ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 2(ศรีราชา) จำเลยที่ 2 นายสมัคร ดอนนาปี ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำเลยที่ 3 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานประพฤติมิชอบ และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
รายละเอียดคำฟ้องส่วนหนึ่งระบุว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2555 สมัยนายอาคม น้ำคำ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด แจ้งความดำเนินคดีโรงแรมระยอง รีสอร์ท ข้อหาผิดพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16(1) ครอบครองก่อสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 24 พ.ร.บ.ป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 , 72 โดยก่อสร้างสะพานไม้เสาคอนกรีตเสริมเหล็กออกไปในทะเล กว้าง 2.90 เมตร ยาว 380 เมตร
คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ต่อมานายสุเมธ จำเลยที่ 1 มารับตำแหน่งหัวหน้าอุทยาน ได้สั่งให้โรงแรมระยอง รีสอร์ท รื้อถอนสะพานท่าเทียบเรือ ซึ่งได้รับอนุญาตให้สร้าง และอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากทางราชการมานาน 30 ปีแล้ว ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าโรงแรมระยอง รีสอร์ต ทำผิดพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ตามที่นายอาคมได้แจ้งความดำเนินคดี
และเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2557 ตำรวจสภ.เพ แจ้งคำสั่งไม่ฟ้องคดีของอัยการจังหวัดระยอง ตามที่นายอาคม แจ้งความดำเนินคดี ต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 สั่งให้โรงแรมระยอง รีสอร์ท รื้อถอนสะพานท่าเทียบเรือ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนตีพิมพ์โฆษณาข้อความดังกล่าว การกระทำดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการโฆษณา ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย