ขณะที่สถิตินักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตา และต่อเนื่อง จนส่งกระทบต่อสังคมท้องถิ่นครั้งแล้วครั้งเล่านั้น ขณะเดียวกัน ธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องก็ถูกทุนจีนรุกเข้ายึดกุมทั้งธุรกิจนำเที่ยว-ที่พัก รวมไปถึงของที่ระลึก แม้แต่ชิปปิ้งก็เปิดบริการเอง
.....
ไม่เพียงแต่ผู้คนในสังคมทั่วไปในท้องถิ่น ทั้งเชียงใหม่-เชียงราย ที่ต้องเจอต่อพฤติกรรมที่จีนเคยชิน จากนักท่องเที่ยวจีนที่หลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเท่านั้น แต่ในภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องก็เริ่มปรากฏผลกระทบให้เห็นแจ่มชัดมากขึ้น
นายวรพงษ์ หมู่ชาวใต้ อุปนายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงใหม่ บอกว่า นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวบ้านเราปีที่ผ่านมาราว 3 แสนคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มเป็นร่วมๆ 5 แสนคนในปี 58 นี้มีเพียงประมาณ 45% เท่านั้น ที่เดินทางมากับบริษัททัวร์ ส่วนที่เหลือจะเดินทางมาเอง และซื้อโปรแกรมทัวร์ผ่านบริษัททัวร์จีนที่เข้ามาเปิดสาขาในเชียงใหม่
ซึ่งนั่นคือที่มาของปัญหาส่วนหนึ่งของพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่กระทบต่อวิถีท้องถิ่น วิถีล้านนา!!
เพราะผู้ประกอบการ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องขาดดีเอ็นเอความเป็นล้านนา ไม่รู้ ไม่เข้าใจประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่น ทำให้ไม่สามารถอธิบายให้แก่ลูกทัวร์จีนที่นำเข้ามาได้อย่างถูกต้อง นำมาซึ่งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้น ต่างกับบริษัทท้องถิ่นที่หวงแหนทรัพยากรอยู่แล้ว
และกลางปี 57 ที่ผ่านมา นายมานพ แซ่เจีย ประธานชมรมมัคคุเทศก์รักษ์ล้านนา พร้อมสมาชิก ต้องเดินสายตระเวนยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมถึงบริษัททัวร์ทั่วเชียงใหม่ รวมถึงชิงจงทัวร์ ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่นำทัวร์จีนเข้ามาท่องเที่ยวในเชียงใหม่ เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้จ้างไกด์เถื่อน หรือทัวร์ศูนย์เหรียญ และทัวร์ KB.
นายมานพ แซ่เจีย ประธานชมรมมัคคุเทศก์รักษ์ล้านนา ระบุไว้ว่า เป็นการขอความร่วมมือต่อบริษัททัวร์ที่รับทัวร์จีนทั้งหมด ให้ยกเลิก และไม่จ้างไกด์ต่างด้าว เนื่องจากปัญหานี้จะส่งผลในการทำลายภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทางชมรมฯ คิดว่า จะต้องออกมาช่วยกันต่อต้าน และเหตุผลที่ออกมาต่อต้านไม่ใช่เพียงเพราะจะทำให้ไกด์ถูกกฎหมายตกงาน แต่มองไปถึงปัญหาของภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ในระยะยาวด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า จังหวัดเชียงใหม่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นเลย แต่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 57 ที่ผ่านมานี้เอง
นอกจากนี้ ระยะที่ผ่านมายังมีคนจีนที่เคยเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ หลาย ๆ ครั้งเข้า บางกลุ่มก็มองเห็นลู่ทางว่า มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก จึงทำตัวเป็นไกด์ และเปิดบริษัททัวร์เสียเอง บางคนที่พูดภาษาไทยได้บ้างก็จะติดต่อเช่าบ้าน-เกสต์เฮาส์-คอนโดฯ ไว้ให้นักท่องเที่ยวชาวจีนมาเช่าต่อ หรือรวมเป็นที่พักในแพกเกจทัวร์ที่เปิดขายเองใน สป.จีน
เช่น หมู่บ้านจัดสรรแถวอำเภอสันทราย คอนโดมิเนียมย่านถนนช้างคลาน และถนนห้วยแก้ว เกสต์เฮาส์ย่านถนนราชมรรคา รีสอร์ทย่านสี่แยกรวมโชค ฯลฯ ที่มีชาวจีนมาเช่ายกหลังเป็นรายปี แบบไม่เกี่ยงราคากันเลยทีเดียว
แหล่งข่าวกล่าวว่า การเงินของชาวจีนเหล่านี้ไม่ค่อยมีปัญหา ซึ่งอัตราที่มีการเช่านั้นหากเป็นคอนโดมิเนียม ถ้าเช่ารายปีจะตกประมาณ 7,500 บาทต่อเดือน, ราย 6 เดือน 8,000 บาทต่อเดือน พร้อมประกันทรัพย์สิน 15,000 บาท จ่ายล่วงหน้า 1 เดือน 22,500 หรือ 23,000 บาท ซึ่งบางรายขอซื้อห้องพักเลยก็มี โดยไม่มีการต่อรองราคาใดๆ
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการให้เช่าทั้งคอนโดมิเนียม และเกสต์เฮาส์ในเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ก่อนนี้เคยเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเช่าห้อง 1-2 เดือน บางครอบครัวเช่าไว้ 6 เดือน ส่วนใหญ่จะติดต่อเช่าผ่านทางไกด์คนจีนที่พูดภาษาไทยได้ หรือบางรายก็เป็นแท็กซี่สนามบินฯ พามา
ซึ่งช่วงแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา แต่ผ่านไปนานเข้าความไม่เรียบร้อยได้สร้างปัญหาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสกปรก ส่งเสียงดัง หรือแม้กระทั่งการวางถุงขยะกองไว้หน้าห้อง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้เช่ารายอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง
“หลังจากที่นักท่องเที่ยวกลับไปแล้วเราสงสารแม่บ้านมาก เพราะทำความสะอาด 2-3 วันยังไม่เสร็จเลย ประกอบกับผู้อยู่อาศัยห้องอื่นซึ่งมีทั้งที่เป็นเจ้าของห้องเอง และที่เป็นผู้เช่า ก็ร้องเรียนปัญหาที่เกิดจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จนบางรายขอย้ายออกไปก็มี”
แหล่งข่าวกล่าวว่า ตอนนี้คงต้องคิดกันใหม่แล้ว แม้จะมีห้องเหลืออยู่ก็คงไม่ขาย หรือให้คนจีนเช่า เพราะหากมีคนรู้ว่าที่นี่มีคนจีนพักด้วย เกรงว่าจะขายห้องอื่นๆ ไม่ได้
“ตอนนี้ถ้ามีคนเข้ามาติดต่อเช่าห้องพักถ้าเป็นนักท่องที่ยวชาวจีนเราจะไม่รับเลย แม้แต่เกสต์เฮาส์ส่วนใหญ่ที่เป็นเพื่อนฝูงในธุรกิจเดียวกันต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนนี้ไม่ขอรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เพราะเข็ด และสงสารแม่บ้าน”
ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ปี 52 เป็นต้นมา นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ และแวะซื้อสินค้าของที่ระลึกที่ “บ้านถวาย” หมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ แหล่งรวมความหลากหลายของงานหัตถศิลป์ที่โดดเด่น เช่น งานแกะสลักไม้, งานเดินเส้น แต่งงาน, งานลงรักปิดทอง, แอนติก, เครื่องเงิน, เครื่องเขิน, ผ้าทอ, เครื่องจักสาน, เครื่องปั้นดินเผา ฯลฯ ซึ่งมีร้านค้าอยู่ 6 โซน รวมถึง 400-500 ร้าน หากไม่สามารถถือติดมือกลับไปเองได้ ก็มีบริษัทชิปปิ้งของนักธุรกิจจีนเข้ามาเปิดให้บริการถึงที่ เริ่มจากจินสุ่ยชิปปิ้ง ก่อนที่จะมีนักธุรกิจจีนมาเปิดเพิ่มรวมไม่น้อยกว่า 4 บริษัท
และล่าสุดขณะนี้นอกจากชิปปิ้งแล้ว ยังมีนักธุรกิจจีนเข้ามาร่วมทุน-เทกโอเวอร์ร้านจำหน่ายสินค้าหัตถกรรม ไม่น้อยกว่า 7-8 รายแล้ว โดยมุ่งเป้ากลุ่มลูกค้าจีนเป็นหลัก
เหลือเพียงโรงงานหลังร้าน ใต้ถุนบ้าน หรือส่วนผลิตสินค้าหัตถกรรม ที่ต้องใช้ความสามารถ ความชำนาญเฉพาะตัวที่สืบทอดกันมาแบบรุ่นต่อรุ่นเท่านั้นที่ยังอยู่ในมือของ “คนท้องถิ่น” อยู่
เรียกได้ว่า จีนซื้อ จีนขาย เพียงแต่จีนยังไม่ได้ผลิตเท่านั้น แต่อนาคตไม่แน่เช่นกัน !!
อ่านต่อ “ทั้งรัก ทั้งชัง!จีนทะลักเชียงใหม่ (จบ) รับในเชิงรุก ขุมทอง นทท.จีน”
.....
ไม่เพียงแต่ผู้คนในสังคมทั่วไปในท้องถิ่น ทั้งเชียงใหม่-เชียงราย ที่ต้องเจอต่อพฤติกรรมที่จีนเคยชิน จากนักท่องเที่ยวจีนที่หลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเท่านั้น แต่ในภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องก็เริ่มปรากฏผลกระทบให้เห็นแจ่มชัดมากขึ้น
นายวรพงษ์ หมู่ชาวใต้ อุปนายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงใหม่ บอกว่า นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวบ้านเราปีที่ผ่านมาราว 3 แสนคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มเป็นร่วมๆ 5 แสนคนในปี 58 นี้มีเพียงประมาณ 45% เท่านั้น ที่เดินทางมากับบริษัททัวร์ ส่วนที่เหลือจะเดินทางมาเอง และซื้อโปรแกรมทัวร์ผ่านบริษัททัวร์จีนที่เข้ามาเปิดสาขาในเชียงใหม่
ซึ่งนั่นคือที่มาของปัญหาส่วนหนึ่งของพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่กระทบต่อวิถีท้องถิ่น วิถีล้านนา!!
เพราะผู้ประกอบการ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องขาดดีเอ็นเอความเป็นล้านนา ไม่รู้ ไม่เข้าใจประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่น ทำให้ไม่สามารถอธิบายให้แก่ลูกทัวร์จีนที่นำเข้ามาได้อย่างถูกต้อง นำมาซึ่งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้น ต่างกับบริษัทท้องถิ่นที่หวงแหนทรัพยากรอยู่แล้ว
และกลางปี 57 ที่ผ่านมา นายมานพ แซ่เจีย ประธานชมรมมัคคุเทศก์รักษ์ล้านนา พร้อมสมาชิก ต้องเดินสายตระเวนยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมถึงบริษัททัวร์ทั่วเชียงใหม่ รวมถึงชิงจงทัวร์ ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่นำทัวร์จีนเข้ามาท่องเที่ยวในเชียงใหม่ เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้จ้างไกด์เถื่อน หรือทัวร์ศูนย์เหรียญ และทัวร์ KB.
นายมานพ แซ่เจีย ประธานชมรมมัคคุเทศก์รักษ์ล้านนา ระบุไว้ว่า เป็นการขอความร่วมมือต่อบริษัททัวร์ที่รับทัวร์จีนทั้งหมด ให้ยกเลิก และไม่จ้างไกด์ต่างด้าว เนื่องจากปัญหานี้จะส่งผลในการทำลายภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทางชมรมฯ คิดว่า จะต้องออกมาช่วยกันต่อต้าน และเหตุผลที่ออกมาต่อต้านไม่ใช่เพียงเพราะจะทำให้ไกด์ถูกกฎหมายตกงาน แต่มองไปถึงปัญหาของภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ในระยะยาวด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า จังหวัดเชียงใหม่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นเลย แต่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 57 ที่ผ่านมานี้เอง
นอกจากนี้ ระยะที่ผ่านมายังมีคนจีนที่เคยเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ หลาย ๆ ครั้งเข้า บางกลุ่มก็มองเห็นลู่ทางว่า มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก จึงทำตัวเป็นไกด์ และเปิดบริษัททัวร์เสียเอง บางคนที่พูดภาษาไทยได้บ้างก็จะติดต่อเช่าบ้าน-เกสต์เฮาส์-คอนโดฯ ไว้ให้นักท่องเที่ยวชาวจีนมาเช่าต่อ หรือรวมเป็นที่พักในแพกเกจทัวร์ที่เปิดขายเองใน สป.จีน
เช่น หมู่บ้านจัดสรรแถวอำเภอสันทราย คอนโดมิเนียมย่านถนนช้างคลาน และถนนห้วยแก้ว เกสต์เฮาส์ย่านถนนราชมรรคา รีสอร์ทย่านสี่แยกรวมโชค ฯลฯ ที่มีชาวจีนมาเช่ายกหลังเป็นรายปี แบบไม่เกี่ยงราคากันเลยทีเดียว
แหล่งข่าวกล่าวว่า การเงินของชาวจีนเหล่านี้ไม่ค่อยมีปัญหา ซึ่งอัตราที่มีการเช่านั้นหากเป็นคอนโดมิเนียม ถ้าเช่ารายปีจะตกประมาณ 7,500 บาทต่อเดือน, ราย 6 เดือน 8,000 บาทต่อเดือน พร้อมประกันทรัพย์สิน 15,000 บาท จ่ายล่วงหน้า 1 เดือน 22,500 หรือ 23,000 บาท ซึ่งบางรายขอซื้อห้องพักเลยก็มี โดยไม่มีการต่อรองราคาใดๆ
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการให้เช่าทั้งคอนโดมิเนียม และเกสต์เฮาส์ในเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ก่อนนี้เคยเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเช่าห้อง 1-2 เดือน บางครอบครัวเช่าไว้ 6 เดือน ส่วนใหญ่จะติดต่อเช่าผ่านทางไกด์คนจีนที่พูดภาษาไทยได้ หรือบางรายก็เป็นแท็กซี่สนามบินฯ พามา
ซึ่งช่วงแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา แต่ผ่านไปนานเข้าความไม่เรียบร้อยได้สร้างปัญหาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสกปรก ส่งเสียงดัง หรือแม้กระทั่งการวางถุงขยะกองไว้หน้าห้อง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้เช่ารายอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง
“หลังจากที่นักท่องเที่ยวกลับไปแล้วเราสงสารแม่บ้านมาก เพราะทำความสะอาด 2-3 วันยังไม่เสร็จเลย ประกอบกับผู้อยู่อาศัยห้องอื่นซึ่งมีทั้งที่เป็นเจ้าของห้องเอง และที่เป็นผู้เช่า ก็ร้องเรียนปัญหาที่เกิดจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จนบางรายขอย้ายออกไปก็มี”
แหล่งข่าวกล่าวว่า ตอนนี้คงต้องคิดกันใหม่แล้ว แม้จะมีห้องเหลืออยู่ก็คงไม่ขาย หรือให้คนจีนเช่า เพราะหากมีคนรู้ว่าที่นี่มีคนจีนพักด้วย เกรงว่าจะขายห้องอื่นๆ ไม่ได้
“ตอนนี้ถ้ามีคนเข้ามาติดต่อเช่าห้องพักถ้าเป็นนักท่องที่ยวชาวจีนเราจะไม่รับเลย แม้แต่เกสต์เฮาส์ส่วนใหญ่ที่เป็นเพื่อนฝูงในธุรกิจเดียวกันต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนนี้ไม่ขอรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เพราะเข็ด และสงสารแม่บ้าน”
ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ปี 52 เป็นต้นมา นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ และแวะซื้อสินค้าของที่ระลึกที่ “บ้านถวาย” หมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ แหล่งรวมความหลากหลายของงานหัตถศิลป์ที่โดดเด่น เช่น งานแกะสลักไม้, งานเดินเส้น แต่งงาน, งานลงรักปิดทอง, แอนติก, เครื่องเงิน, เครื่องเขิน, ผ้าทอ, เครื่องจักสาน, เครื่องปั้นดินเผา ฯลฯ ซึ่งมีร้านค้าอยู่ 6 โซน รวมถึง 400-500 ร้าน หากไม่สามารถถือติดมือกลับไปเองได้ ก็มีบริษัทชิปปิ้งของนักธุรกิจจีนเข้ามาเปิดให้บริการถึงที่ เริ่มจากจินสุ่ยชิปปิ้ง ก่อนที่จะมีนักธุรกิจจีนมาเปิดเพิ่มรวมไม่น้อยกว่า 4 บริษัท
และล่าสุดขณะนี้นอกจากชิปปิ้งแล้ว ยังมีนักธุรกิจจีนเข้ามาร่วมทุน-เทกโอเวอร์ร้านจำหน่ายสินค้าหัตถกรรม ไม่น้อยกว่า 7-8 รายแล้ว โดยมุ่งเป้ากลุ่มลูกค้าจีนเป็นหลัก
เหลือเพียงโรงงานหลังร้าน ใต้ถุนบ้าน หรือส่วนผลิตสินค้าหัตถกรรม ที่ต้องใช้ความสามารถ ความชำนาญเฉพาะตัวที่สืบทอดกันมาแบบรุ่นต่อรุ่นเท่านั้นที่ยังอยู่ในมือของ “คนท้องถิ่น” อยู่
เรียกได้ว่า จีนซื้อ จีนขาย เพียงแต่จีนยังไม่ได้ผลิตเท่านั้น แต่อนาคตไม่แน่เช่นกัน !!
อ่านต่อ “ทั้งรัก ทั้งชัง!จีนทะลักเชียงใหม่ (จบ) รับในเชิงรุก ขุมทอง นทท.จีน”