ลำปาง - ชาวบ้าน พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ชมรมท่องเที่ยว บุกพิสูจน์ “หล่มภูเขียว” บ่อน้ำมหัศจรรย์สีเขียวครามกลาง อช.ถ้ำผาไท เชื่อเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ดื่ม-อาบแล้วหลายคนหายปวดเมื่อย แต่ห้ามเอาเท้าลงแช่ คาดเกิดจากดินยุบตัวมาตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่รู้ความลึกแน่ชัด เตรียมดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเมืองรถม้าต่อ
วันนี้ (10 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการโพสต์ภาพของอ่างน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่มีสีเขียวครามบนหุบเขาเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ต.บ้านอ้อน อ.งาว จ.ลำปาง ผ่านทางโซเชียลมีเดีย แต่ที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีคนรู้จัก ทำให้ขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเสาะหาแอ่งน้ำมหัศจรรย์แห่งนี้กันมากขึ้น
ล่าสุดนายพีระเมศร์ ตื้อตันสกุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ได้ร่วมกับนายสุรพล ตันสุวรรณ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นประธานชมรมจักรยานจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยนักปั่นจักรยานจำนวนกว่า 40 คน ร่วมกันเปิดเส้นทางจักรยานเพื่อเข้าไปชมความสวยงาม และเปิดแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดลำปางด้วย
โดยบ่อน้ำทางธรรมชาติแห่งนี้ชาวบ้านเรียกว่า “หล่มภูเขียว” ตั้งอยู่ในหมู่บ้านอ้อนเหนือ ห่างจากปากทางเข้า อ.งาว เลี้ยวซ้ายเข้า ต.บ้านอ้อนประมาณ 12 กิโลเมตร หลังจากนั้นจะเป็นถนนดินแดงต่อไปอีกประมาณ 5-6 กิโลเมตรที่มีป้ายบอกเส้นทางไปยังหล่มภูเขียวเป็นระยะ แต่ทั้งนี้การขับรถต้องใช้ความระวังเพราะรถไม่สามารถวิ่งสวนทางกันได้เนื่องจากทางแคบ และเป็นไหล่ทาง ประกอบกับมีฝุ่น ทำให้ทัศนวิสัยอาจไม่ดีมากนัก
นายพีระเมศร์กล่าวว่า หล่มภูเขียวแห่งนี้อยู่ในพื้นที่การดูแลของอุทยานถ้ำผาไท มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยแม่แก้เป็นผู้ดูแล มีพื้นที่ราว 2 ไร่เศษ เมื่อสองปีก่อนเคยมีการนำเรือพายไปอยู่ตรงจุดศูนย์กลาง และนำเชือกหย่อนลงไป หย่อนเท่าไหร่ก็ไม่ถึงพื้นดิน ทำให้ไม่ทราบแน่ชัดว่าบ่อแห่งนี้มีความลึกเท่าไหร่กันแน่ แต่ด้วยพื้นที่จำกัด และเริ่มมีผู้ที่รู้จักและอยากมาดูความมหัศจรรย์ของแหล่งน้ำแห่งนี้มากขึ้น ทำให้ต้องขอความร่วมมือชาวบ้านในพื้นที่ช่วยดูแลนักท่องเที่ยวไม่ให้เกิดอันตราย และที่สำคัญต้องทำตามข้อห้าม ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวบ้านด้วย
นายปราชญา หล้าปาวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านอ้อนเหนือ ม.3 กล่าวถึงตำนานของบ่อน้ำแห่งนี้ว่า เดิมชาวบ้านคิดว่าเกิดจากปล่องภูเขาไฟ แต่แท้ที่จริงแล้วเกิดจากการยุบตัวของดิน จึงได้เรียกว่า “หล่ม” และเนื่องจากน้ำมีสีเขียวคราม จึงได้เรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “หล่มภูเขียว” เดิมบ่อน้ำแห่งนี้มีจอกแหนเต็มไปหมด แต่มีสามเณรมาตั้งจิตอธิษฐาน หลังจากนั้นจอกแหนก็ได้หายไปจนหมดสิ้น และไม่มีอีกเลย
นายปราชญาบอกว่า ชาวบ้านเชื่อว่ามีเจ้าพ่อหล่มภูเขียวสิงสถิตอยู่ ซึ่งปัจจุบันมีการตั้งศาลอยู่ใกล้ๆ คอยปกปักรักษาบ่อน้ำแห่งนี้ นอกจากนี้ชาวบ้านยังเชื่ออีกว่าน้ำในบ่อแห่งนี้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ หากใครที่เจ็บป่วย ปวดเมื่อยตามร่างกายก็จะมาขอตักน้ำในบ่อ และนำไปขอพรจากเจ้าพ่อหล่มภูเขียว แล้วนำไปดื่ม หรืออาบ บางคนก็หาย บางคนก็ไม่หาย ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อ และศรัทธาของแต่ละบุคคล
แต่ทั้งนี้ ตั้งแต่โบราณกาลชาวบ้านจะห้ามไม่ให้ใครลงไปอาบ หรือนำเท้าลงไปในน้ำแห่งนี้โดยเด็ดขาด หากทางอำเภอ หมู่บ้าน หรือที่ไหนๆ ต้องใช้น้ำ เพื่อนำไปเป็นน้ำพระพุทธมนต์ หรือเข้าพิธีทางศาสนา หนึ่งในน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่จะต้องนำไปคือน้ำในบ่อน้ำแห่งนี้
ส่วนความมหัศจรรย์ที่ยังหาคำตอบไม่ได้คือ น้ำที่มีสีเขียวคราม และเนื่องจากโดยรอบมีต้นไม้ใหญ่ ทุกวันจะมีใบไม้หล่นลงไปในน้ำเต็มไปหมด แต่รุ่งเช้าใบไม้จะหายไป ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่าใบไม้เหล่านั้นหายไปไหน แต่เชื่อว่าไม่จมลงใต้พื้นน้ำแน่ เพราะบ่อแห่งนี้เกิดขึ้นมานับพันปี หากใบไม้ที่หล่นลงไปสะสมน้ำคงเน่าเสียไปแล้ว ซึ่งก็ยังเป็นปริศนาที่ชาวบ้านยังหาคำตอบไม่ได้
นางอำพร คิดตาโย ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านอ้อน กล่าวว่า หล่มภูเขียวชาวบ้านรู้จักกันมานาน เนื่องจากถือว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังขาดการพัฒนา ซึ่งท้องถิ่นก็มีงบพัฒนาที่จำกัด ตนก็อยากให้หน่วยงานภายนอกได้เข้ามาช่วยกันพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดลำปางต่อไป
นายสุรพลกล่าวว่า หล่มภูเขียวถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์มาก ดังนั้นทุกภาคส่วนจะได้เข้ามาช่วยกันผลักดันให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและเชิงอนุรักษ์ของจังหวัดลำปางต่อไปให้ได้ แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่ายรวมถึงสื่อมวลชนด้วย