ระยอง – อดีตอาจารย์ รร.อุดมวิทยานุกูล เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อนายกเทศมนตรีเมืองบ้านฉาง อ้างถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ จากเหตุไม่พอใจเรื่องการก่อสร้างรั้วกำแพงคอนกรีตสำนักงานสมาคมหลวงเตี่ย ด้านนายกฯเล็ก ยันเป็นเกมการเมือง เพราะคู่กรณีเคยเป็นสมาชิกสภาเทศบาลฝ่ายตรงข้าม
วันนี้ ( 6 ก.พ. ) ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่ามีการโพสต์ภาพ นายอุดม ลิ้มศาลา อายุ 63 ปี อดีตอาจารย์โรงเรียนอุดมวิทยานุกูล อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ที่กำลังนอนให้แพทย์โรงพยาบาลบ้านฉาง รักษาอาการบาดเจ็บหลังถูกนักการเมืองท้องถิ่นทำร้ายร่างกายลงในเฟซบุ๊ก จนที่เป็นโจทก์ขานไปเมือง
จึงเดินทางไปตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าวกับ นายอุดม ซึ่งก็ได้รับการชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์เป็นเรื่องจริง และตนได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.ชัยรัตน์ จันทสิทธิ์ ร้อยเวร สถานีตำรวจภูธรบ้านฉาง เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.ของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแล้ว
นายอุดม บอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ตนได้รับโทรศัพท์จาก นายไพโรจน์ เรืองธุระกิจ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านฉาง ที่นัดหมายให้เข้าพบที่ห้องทำงานเทศบาลเมืองบ้านฉาง และเมื่อตนเดินทางไปพบตามนัด ได้ถูกนายไพโรจน์ พูดจาต่อว่าเกี่ยวกับเรื่องเงินบริจาคก่อสร้างรั้วกำแพงคอนกรีตสำนักงานสมาคมหลวงเตี่ย ซึ่งตั้งอยู่เลขที่38/19 ซอยเทศบาล 60 หมู่ 1 ตำบลบ้านฉาง จำนวน 30,000 บาท ที่ปรากฏมีผู้นำถังขยะไปตั้งหน้าป้ายชื่อผู้บริจาคในช่องที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นชื่อของนายไพโรจน์ และบุตรสาว ทั้งยังปล่อยให้หญ้าขึ้นรกบังป้ายจนเกิดความไม่พอใจ และได้ใช้ฝ่ามือตบเข้าบริเวณท้ายทอยของตนอย่างแรงจนแว่นตาหลุดกระเด็น
จากนั้นตนได้ลุกเดินหนีออกจากห้องทำงานของนายกฯ เพื่อเดินทางไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อให้ตรวจอาการ เนื่องจากมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า นายอุดม ลิ้มศาลา พร้อมชาวบ้านฉาง จะเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมและเรียกร้องให้ปลดนายกฯคนดังกล่าวออกจากตำแหน่ง พร้อมจะยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต่อไป
ด้านนายไพโรจน์ เรืองธุรกิจ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านฉาง ชี้แจงว่าตนไม่ได้ทำร้ายร่างกายนายอุดม คู่กรณีแต่อย่างใด แต่เพราะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน จึงเรียกนายอุดมมาพูดคุยและให้ไปแก้ไขในสิ่งผิดพลาด แต่นายอุดม กลับทำท่าทางยียวน จึงเกิดอารมณ์และเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ขณะที่ นายอุดม ทำท่าลุกขึ้นจากเก้าอี้คล้ายจะปรี่เข้ามาหาตน จึงต้องใช้มือผลักไปที่ศีรษะ พร้อมยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายร่างกายนายอุดม ตามที่กล่าวหาแต่อย่างใด และเชื่อว่าเป็นเกมการเมืองท้องถิ่น เพราะคู่กรณีอดีตเคยเป็นสมาชิกสภาเทศบาล(สท.)ฝ่ายตรงข้าม