ศรีสะเกษ - จังหวัดศรีสะเกษคุมเข้มบ่อบำบัดน้ำเสียแหล่งกำเนิดมลพิษที่ต้องควบคุมตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมทั้ง 6 ประเภท ร่วม 700 แห่ง หากฝ่าฝืนเจอโทษปรับ 1 แสน ขณะทายาทเจ้าพ่อปั๊มน้ำมันศรีสะเกษระบุมีระบบบำบัดน้ำเสียทุกปั๊ม
วันนี้ (4 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมศรีพฤทเธศวร ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมรับฟังการชี้แจงการรายงานสรุปผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ศรีสะเกษ ได้จัดขึ้น
เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานกำกับดูแลแหล่งกำเนิดมลพิษ ซึ่งต้องแสดงผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียในแต่ละวัน แล้วเสนอรายงานต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป เพื่อให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นรายงานกรมควบคุมมลพิษตามขั้นตอน หรือส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ หรือรายงานทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่อธิบดีกรมควบคุมมลพิษประกาศกำหนด
โดยมีนายปรีชาญ สามารถ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้กล่าวรายงานและให้การต้อนรับ
นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จ.ศรีสะเกษมีแหล่งกำเนิดมลพิษที่ต้องควบคุมให้มีระบบบำบัดน้ำเสียจำนวน 6 ประเภท ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรม อาคารบางประเภทและบางขนาด ที่ดินจัดสรร การเลี้ยงสุกร สถานีบริการน้ำมัน และ บ่อสัตว์เลี้ยงสัตว์น้ำจืด รวมทั้งสิ้น 699 แห่ง ซึ่งตามมาตรา 80 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 กำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอบแหล่งกำเนิดมลพิษจะต้องเก็บสถิติและข้อมูลซึ่งแสดงผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียในแต่ละวันรายงานต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ซึ่งหากว่าเจ้าของแหล่งกำเนิดมลพิษไม่เก็บสถิติและไม่มีการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียต้องถูกปรับไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท
ด้านนายบุณยเกียรติ ทวีสุขศิริ อายุ 35 ปี ทายาทเจ้าของสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ 14 แห่งในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ปั๊มน้ำมันทุกปั๊มของเราได้ทำการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย โดยมีถังแทรปและบ่อเกรอะอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีปัญหากับกฎหมายนี้แต่อย่างใด ซึ่งเราได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบทุกปั๊มได้เก็บสถิติและข้อมูลเพื่อรายงานส่วนราชการที่รับผิดชอบตามกำหนด