ศูนย์ข่าวศรีราชา - เชื่อทิศทางส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยปี 58 สดใสต่อเนื่อง จากมูลค่าการส่งออกในปี 57 ที่พุ่งสูงถึง 1.35 แสนล้านบาท ตามปริมาณการส่งออกหัวมันสด และแป้งมันรวมกว่า 1.2 ล้านตัน เผยความตื่นตัวด้านปัญหามลพิษจากจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกคือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทั้งจีน และหลายประเทศหันมาใช้เอทานอลจากไทยมากขึ้น ขณะที่นายกฯ โรงงานมันจี้รัฐดูแล 4 นโยบายหลัก ทั้งกำหนดช่วงขุดหัวมันสด หนุนส่งออก ดูแลค่าเงิน และกระตุ้นแบงก์ปล่อยกู้ให้เป็นไปในทิศทาง มั่นใจตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์มันฯ ไทยสดใสอีกนาน
นายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย เผยถึงการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยไปยังต่างประเทศ ในปี 2557 ทั้งในรูปหัวมันสด มันเส้น และแป้งมันว่า เป็นไปอย่างสดใส โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมกว่า 1.35 แสนล้านบาท จากตัวเลขการส่งออกผลิตภัณฑ์รวมทั้งหมดประมาณ 1.2 ล้านตัน หลังประเทศจีน และอีกหลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญต่อการลดปัญหามลพิษ และมลพิษที่เกิดจากการใช้รถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นด้วยการหันมาใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอลจากประเทศไทย
เนื่องจากมีความมั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์มันฯ ของไทยไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ GMO จึงสามารถนำไปใช้ในการผลิตภัณฑ์สินค้าได้ทั้งประเภทบริโภคอุปโภค และยังคาดว่าความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลังของไทยในปี 2558 จะเพิ่มมากขึ้น ตามภาวการณ์เติบโตของตลาดที่มีเฉลี่ยในแต่ละปีไม่น้อยกว่า 15%
“ยอดการส่งออกที่มีมากถึง 1.35 แสนล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญไม่ใช่มาจากความต้องการของตลาดทั่วโลกที่มีแบบไม่อั้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังอยู่ที่ค่าเงินซึ่งอยู่ระหว่าง 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จึงทำให้สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ได้ในปริมาณมาก โดยเราส่งออกหัวมันสดในราคา 2,600-3,000 พันบาทต่อตัน
ส่วนแป้งมันส่งออกที่ 7,000 บาทต่อตัน และผู้ประกอบการรับซื้อหัวมันสดจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 2.50-3 บาท ถือเป็นราคาที่เกษตรกรอยู่ได้ และผู้ประกอบการก็อยู่ได้ แต่ปัญหาที่เราจะเจอในปีนี้ก็ คือ หัวมันสดที่จะออกพร้อมกันถึง 22 ล้านตัน ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่สามารถหาเงินกว่า 8 หมื่นล้านบาทมารับซื้อเพื่อสต๊อกหัวมันได้ ก็จะทำให้ราคารับซื้อในตลาดโลกถูกกดจากประเทศคู่ค้า จากปัญหาสินค้าที่มีมากจนไม่สามารถทยอยปล่อยสู่ตลาดได้”
นายนิยม ยังเผยอีกว่า สิ่งที่จะช่วยพยุงให้ตลาดส่งออกมันสำปะหลังของไทยสดใสต่อเนื่อง และยังคงเป็นกลุ่มสินค้าที่สามารถทำเงินตราเข้าประเทศได้นับแสนล้านบาทต่อปีก็คือ การกำหนดนโยบายส่งเสริมการส่งออกของรัฐบาล
โดยเฉพาะการกำหนดช่วงเวลาการขุดหัวมันฯ เพื่อป้องกันสินค้าล้นตลาด การดูแลค่าเงินบาท และการผลักดันให้ธนาคารของรัฐ และพาณิชย์ สนับสนุนเงินกู้ให้แก่ผู้ส่งออก โดยเชื่อว่าหากรัฐบาลสามารถดูแลนโยบายหลักดังกล่าวให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ ก็จะทำให้ตลาดส่งออกมันสำปะหลังของไทยเติบโตไม่น้อยกว่า 20% ต่อปีอย่างแน่นอน
“ปี 58 นี้ดูแล้วว่าไม่น่าจะมีอุปสรรคอะไรมาฉุดให้การส่งออกมันสำปะหลังของไทยตกต่ำ เพียงแต่รัฐบาลต้องดูแลนโยบายที่ว่าให้เป็นไปด้วยดี โดยเฉพาะการผลักดันให้แบงก์หันมาปล่อยกู้แก่ผู้ประกอบการมากขึ้น โดยจะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีม็อบมันสำปะหลัง เพราะเรามีตลาดที่แน่นอน และผลิตภัณฑ์ของเราสามารถส่งออกได้ทั้งในภาคการผลิตเพื่อบริโภคและอุปโภค”
ขณะที่ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังรวมทั้งสิ้น 8.1 ล้านไร่ ถือว่าเพียงพอต่อการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก และบริโภคในประเทศ ซึ่งในขณะนี้สมาคมฯ ได้เร่งเดินหน้าให้ความรู้แก่เกษตรกรเรื่องการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้ได้ 10 ตัน เพื่อลดต้นทุนการปลูก ซึ่งหากทำได้จริงจะทำให้ประเทศไทยสามารถสร้างผลกำไร และรายได้จากการค้ามันสำปะหลังได้อย่างมหาศาล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการดูแลนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลด้วย