ฉะเชิงเทรา - ตำรวจฉะเชิงเทรา บุกจับร้านโอเกะลักลอบค้ากามอีก หลังทำการล่อซื้อก่อนเข้าทำการจับกุม รวบได้ผู้ต้องหาส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวชาวลาวรวม 25 คน พร้อมผู้ดูแลร้านอีก 4 คน แจ้งข้อหาทำการเป็นธุระจัดหา และค้าประเวณีภายในร้านคาราโอเกะ รวม 3 ร้าน ทั้งในเขตพื้นที่อำเภอแปลงยาว และบางคล้า
เมื่อเวลา 01.00 น.วันนี้ (29 ม.ค.) พ.ต.อ.ธรรมนูญ มั่นคง ผกก.สืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.ท.อรรถการ กองสุผล รอง ผกก.สส.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.ท.สมมิตร พรมตอง สารวัตรกองกำกับการสืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรฉะเชิงเทรากว่า 20 นายแบ่งกำลังกันเป็น 4 ชุด เข้าทำการล่อซื้อหญิงบริการค้าประเวณีภายในร้านคาราโอเกะ รวม 4 แห่ง ในท้องที่ สภ.บางคล้า 1 แห่ง และ สภ.แปลงยาว 3 แห่ง
ก่อนเข้าทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 29 คน เจ้าหน้าที่ได้วางแผนล่อซื้อบริการได้สำเร็จ จำนวน 3 ร้าน ส่วนอีก 1 ร้าน ไม่พบว่ามีการค้าประเวณี หลังจากนั้น ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาทำการสอบสวน และทำบันทึกการจับกุมที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรฉะเชิงเทรา พร้อมของกลางจากการล่อซื้อเป็นถุงยางที่ใช้แล้ว มีคราบอสุจิบรรจุอยู่ภายในถุง จำนวน 3 ถุง เงินสด จำนวนหลายหมื่นบาท อาวุธปืน บัญชีรายรับรายจ่ายร้านค้า รวมถึงถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้ถูกใช้งานบรรจุอยู่ภายในกล่อง และแกะกล่องรอใช้งานจากภายในห้องรับบริการด้านหลังร้านอีกจำนวนมาก
สำหรับผู้ต้องหาที่ทำการจับกุมได้ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวชาวลาวจากภายในร้าน “ต้นคูณคาราโอเกะ” ตั้งอยู่เลขที่ 62/712-713 ม.4 ต.เสม็ดเหนือ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 7 คน พร้อมด้วย นายมังกร ยงยิ่ง อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/2 ม.5 ต.คลองนา อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ที่ยอมรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของร้าน แต่ปฏิเสธในข้อกล่าวหาว่าเป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณี
ส่วนที่ร้าน “นกยูงคาราโอเกะ” ตั้งอยู่บริเวณริมถนนสาย 331 เลขที่ 5 ม.8 ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ได้หญิงค้าบริการซึ่งเป็นหญิงสาวชาวลาวทั้งหมด จำนวน 13 คน พร้อมผู้ดูแลร้าน 1 คน คือ นายสมคิด แขวงพงศ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/1 ม.12 ต.แปลงยาว แต่เป็นผู้ดูแลร้านได้ปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา ทั้งที่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดถุงยางที่มีการใช้งานแล้วพร้อมคราบอสุจิจากภายในร้านไว้เป็นหลักฐานได้อย่างชัดเจน
พร้อมมีห้องที่จัดสร้างไว้คอยให้ใช้บริการ ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่า เป็นโรงแรมโดยมีผู้ประกอบการเป็นคนละรายกันเป็นผู้ดูแลร้าน แต่มีระยะห่างกันออกไปจากทางด้านหลังเพียงแค่ 10 เมตรเศษเท่านั้น ซึ่งลักษณะของโรงแรมดังกล่าวนี้มีห้องไว้คอยให้บริการเข้าพักเพียง 6 ห้อง และไม่มีชื่อโรงแรมอีกด้วย
ขณะที่ร้าน “โนรี 2 คาราโอเกะ” ไม่มีเลขที่ตั้งอยู่พื้นที่ ม.11 ต.แปลงยาว เจ้าหน้าที่สามารถทำการจับกุมหญิงค้าบริการได้รวม 5 คน ซึ่งมีทั้งชาวไทย ลาว และกัมพูชา พร้อมด้วย น.ส.นพรัตน์ เทพพิทักษ์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 175 ม.11 ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา และนายจีรศักดิ์ พ่วงศิริ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 ม.4 ต.แปลงยาว ผู้ดูแลร้าน ซึ่งทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน
พ.ต.ท.สมมิตร กล่าวว่า จากการเข้าทำการล่อซื้อจับกุมในครั้งนี้ได้ผู้ต้องหารวม 29 คน จากร้านคาราโอเกะ จำนวน 3 ร้าน ที่พบว่ามีการค้าประเวณี จึงได้ตั้งข้อกล่าวหาต่อผู้ดูแลร้านว่า “เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นธุระจัดหาการค้าประเวณี” ส่วนผู้ต้องหาซึ่งเป็นหญิงบริการนั้น กล่าวหาว่า “ทำการค้าประเวณีโดยผิดกฎหมาย” พร้อมเตรียมส่งผู้ต้องหาทั้งหมดไปดำเนินตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง กล่าวว่า แรงงานต่างด้าวทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่ได้เข้ามาขออนุญาตทำงานรับจ้างตามสถานประกอบการต่างๆ แต่จากการตรวจสอบกลับพบว่า มีที่อยู่ไม่ตรงกันตามที่ได้เข้ามาแจ้งขออนุญาตไว้ และได้มาทำการขายบริการทางเพศ อยู่ภายในร้านคาราโอเกะทั้ง 3 แห่งดังกล่าว ซึ่งจะส่งไปดำเนินคดี และเตรียมผลักดันกลับประเทศต่อไป ส่วนร้านค้าที่กระทำผิดกฎหมายจะส่งดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมยึดใบอนุญาตสถานประกอบการต่อไป
เมื่อเวลา 01.00 น.วันนี้ (29 ม.ค.) พ.ต.อ.ธรรมนูญ มั่นคง ผกก.สืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.ท.อรรถการ กองสุผล รอง ผกก.สส.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.ท.สมมิตร พรมตอง สารวัตรกองกำกับการสืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรฉะเชิงเทรากว่า 20 นายแบ่งกำลังกันเป็น 4 ชุด เข้าทำการล่อซื้อหญิงบริการค้าประเวณีภายในร้านคาราโอเกะ รวม 4 แห่ง ในท้องที่ สภ.บางคล้า 1 แห่ง และ สภ.แปลงยาว 3 แห่ง
ก่อนเข้าทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 29 คน เจ้าหน้าที่ได้วางแผนล่อซื้อบริการได้สำเร็จ จำนวน 3 ร้าน ส่วนอีก 1 ร้าน ไม่พบว่ามีการค้าประเวณี หลังจากนั้น ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาทำการสอบสวน และทำบันทึกการจับกุมที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรฉะเชิงเทรา พร้อมของกลางจากการล่อซื้อเป็นถุงยางที่ใช้แล้ว มีคราบอสุจิบรรจุอยู่ภายในถุง จำนวน 3 ถุง เงินสด จำนวนหลายหมื่นบาท อาวุธปืน บัญชีรายรับรายจ่ายร้านค้า รวมถึงถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้ถูกใช้งานบรรจุอยู่ภายในกล่อง และแกะกล่องรอใช้งานจากภายในห้องรับบริการด้านหลังร้านอีกจำนวนมาก
สำหรับผู้ต้องหาที่ทำการจับกุมได้ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวชาวลาวจากภายในร้าน “ต้นคูณคาราโอเกะ” ตั้งอยู่เลขที่ 62/712-713 ม.4 ต.เสม็ดเหนือ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 7 คน พร้อมด้วย นายมังกร ยงยิ่ง อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/2 ม.5 ต.คลองนา อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ที่ยอมรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของร้าน แต่ปฏิเสธในข้อกล่าวหาว่าเป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณี
ส่วนที่ร้าน “นกยูงคาราโอเกะ” ตั้งอยู่บริเวณริมถนนสาย 331 เลขที่ 5 ม.8 ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ได้หญิงค้าบริการซึ่งเป็นหญิงสาวชาวลาวทั้งหมด จำนวน 13 คน พร้อมผู้ดูแลร้าน 1 คน คือ นายสมคิด แขวงพงศ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/1 ม.12 ต.แปลงยาว แต่เป็นผู้ดูแลร้านได้ปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา ทั้งที่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดถุงยางที่มีการใช้งานแล้วพร้อมคราบอสุจิจากภายในร้านไว้เป็นหลักฐานได้อย่างชัดเจน
พร้อมมีห้องที่จัดสร้างไว้คอยให้ใช้บริการ ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่า เป็นโรงแรมโดยมีผู้ประกอบการเป็นคนละรายกันเป็นผู้ดูแลร้าน แต่มีระยะห่างกันออกไปจากทางด้านหลังเพียงแค่ 10 เมตรเศษเท่านั้น ซึ่งลักษณะของโรงแรมดังกล่าวนี้มีห้องไว้คอยให้บริการเข้าพักเพียง 6 ห้อง และไม่มีชื่อโรงแรมอีกด้วย
ขณะที่ร้าน “โนรี 2 คาราโอเกะ” ไม่มีเลขที่ตั้งอยู่พื้นที่ ม.11 ต.แปลงยาว เจ้าหน้าที่สามารถทำการจับกุมหญิงค้าบริการได้รวม 5 คน ซึ่งมีทั้งชาวไทย ลาว และกัมพูชา พร้อมด้วย น.ส.นพรัตน์ เทพพิทักษ์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 175 ม.11 ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา และนายจีรศักดิ์ พ่วงศิริ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 ม.4 ต.แปลงยาว ผู้ดูแลร้าน ซึ่งทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน
พ.ต.ท.สมมิตร กล่าวว่า จากการเข้าทำการล่อซื้อจับกุมในครั้งนี้ได้ผู้ต้องหารวม 29 คน จากร้านคาราโอเกะ จำนวน 3 ร้าน ที่พบว่ามีการค้าประเวณี จึงได้ตั้งข้อกล่าวหาต่อผู้ดูแลร้านว่า “เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นธุระจัดหาการค้าประเวณี” ส่วนผู้ต้องหาซึ่งเป็นหญิงบริการนั้น กล่าวหาว่า “ทำการค้าประเวณีโดยผิดกฎหมาย” พร้อมเตรียมส่งผู้ต้องหาทั้งหมดไปดำเนินตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง กล่าวว่า แรงงานต่างด้าวทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่ได้เข้ามาขออนุญาตทำงานรับจ้างตามสถานประกอบการต่างๆ แต่จากการตรวจสอบกลับพบว่า มีที่อยู่ไม่ตรงกันตามที่ได้เข้ามาแจ้งขออนุญาตไว้ และได้มาทำการขายบริการทางเพศ อยู่ภายในร้านคาราโอเกะทั้ง 3 แห่งดังกล่าว ซึ่งจะส่งไปดำเนินคดี และเตรียมผลักดันกลับประเทศต่อไป ส่วนร้านค้าที่กระทำผิดกฎหมายจะส่งดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมยึดใบอนุญาตสถานประกอบการต่อไป