ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่ประกาศพร้อมจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับครั้งที่ 39 ปี 2558 วันที่ 6-8 ก.พ. ปรับเวลาขบวนแห่รถบุปผชาติมาเป็นช่วงเช้าเหมือนเดิม มั่นใจนักท่องเที่ยวทั้งไทย-เทศร่วมงานคึกคัก คาดเงินสะพัดหลายร้อยล้านบาท
วันนี้ (27 ม.ค.) ที่โรงแรมสิบแสน ลักชัวรี เชียงใหม่ นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานนำตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 39 ประจำปี 2558 วันที่ 6-8 ก.พ. ที่บริเวณสะพานนวรัฐ ประตูท่าแพ และสวนสาธารณะหนองบวกหาด ภายใต้แนวคิด “วิถีไทย วิถีล้านนา เบ่งบานสู่อาเซียน” โดยการจัดงานครั้งนี้มีกิจกรรมหลักรวม 9 กิจกรรม ได้แก่ การจัดนิทรรศการไม้ดอกไม้ประดับ, การประกวดนางงามบุปผชาติและนางงามบุปผชาตินานาชาติ, การจัดกาดหมั้ว, การตกแต่งเส้นทาง/ถนนดอกไม้ และการแสดงดนตรีในสวน เป็นต้น
ทั้งนี้ ไฮไลต์ของการจัดงานอยู่ที่ขบวนแห่รถบุปผชาติที่จะมีขึ้นเช้าวันที่ 7 ก.พ. เริ่มต้นจากบริเวณเชิงสะพานนวรัฐ ไปตามถนนท่าแพ ถนนคชสาร ถนนราชเชียงแสน ถนนช่างหล่อ ถึงสวนสาธารณะหนองบวกหาด ซึ่งปีนี้มีหน่วยงานต่างๆ ส่งขบวนรถเข้าร่วมทั้งสิ้น 29 ขบวน แบ่งเป็นประกวดประเภทสวยงาม 5 ขบวน, ประกวดประเภทอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม 5 ขบวน, ประกวดประเภทความคิดสร้างสรรค์ 8 ขบวน และไม่ประกวด 11 ขบวน ซึ่งขบวนที่ชนะเลิศแต่ละประเภทจะได้รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ส่วนพิธีเปิดงานจะมีขึ้นในช่วงเย็นวันที่ 6 ก.พ. ที่ประตูท่าแพ
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดต่างร่วมมือและมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะทำให้งานมีความน่าสนใจและยิ่งใหญ่ เพื่อเชิดชูและคงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณี และความงดงามตระการตาของไม้ดอกไม้ประดับนานาพรรณของเชียงใหม่ ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด รวมทั้งสร้างรายได้และอาชีพให้แก่ประชาชน และเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งมั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก ก่อให้เกิดเงินรายได้สะพัดตลอดช่วงการจัดงานหลายร้อยล้านบาท
สำหรับการจัดงานในปีนี้มีการปรับเปลี่ยนเวลาการปล่อยขบวนแห่รถบุปผชาติกลับมาเป็นในช่วงเช้าเช่นเดิมเหมือนที่มีการจัดมาตลอดตั้งแต่ริเริ่มจัดงาน จนกระทั่งการจัดงานในปี 2557 ที่มีการเปลี่ยนเวลาเป็นช่วงบ่ายจนถึงกลางคืน และเน้นโชว์การแสดงแสงสี ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าไม่เหมาะสม เป็นการทำลายมนต์เสน่ห์ และเอกลักษณ์ของการจัดงานที่ตั้งใจแสดงให้เห็นถึงความสวยสดงดงามของไม้ดอกไม้ประดับที่ตามธรรมชาติจะสวยงามที่สุดในช่วงเช้า ขณะที่ช่วงบ่ายไม้ดอกที่นำมาประดับตกแต่งต่างก็เหี่ยวเฉาเนื่องจากอากาศร้อน นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อโปรแกรมท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ซื้อทัวร์ผ่านบริษัทนำเที่ยวด้วย จนกระทั่งต้องมีการปรับเปลี่ยน แม้ก่อนหน้าจะพบว่ายังคงมีความพยายามที่จะจัดขบวนแห่รถบุปผชาติช่วงกลางคืนอยู่ก็ตาม