ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เจ้าอาวาสวัดล่ามช้าง พร้อมคณะศรัทธา และอดีตครู-ศิษย์เก่าโรงเรียน เปิดโต๊ะเจรจาคนเช่าที่วัดร้างติดวัดกลางเชียงใหม่ พบเป็นรองอธิการบดี มช. วางเงิน 8 ล้าน เช่าตรงจากสำนักพุทธฯ เตรียมตั้งศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมฯ รองรับ นศ.ตปท. ขณะที่ครูเก่าบอกต้องประชาพิจารณ์ก่อน ย้ำแม้ ร.ร.ยุบ แต่วัด-ชุมชนใช้เงินบริจาคสร้างอาคาร
วันนี้ (27 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพระอธิการอานนท์ วิสุทธิ์โท เจ้าอาวาสวัดล่ามช้าง อ.เมืองเชียงใหม่ และชาวบ้านรอบวัด ได้ร้องเรียนคัดค้านการขายสิทธิ์เช่าที่ดินวัดร้างต้นปูน ที่อยู่ติดกับวัดล่ามช้าง ขนาด 1 ไร่ 2 งาน 54 ตารางวา ที่เดิมทำเป็นโรงเรียนอนุศึกษา และได้เลิกกิจการแล้ว โดยมีการซื้อ-ขายที่ดินของทางวัดโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากคนชุมชน
ล่าสุดได้ผู้ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย พระอธิการอานนท์ วิสุทธิ์โท เจ้าอาวาสวัดล่ามช้าง จ.เชียงใหม่, ตัวแทนจากเทศบาลนครเชียงใหม่, รองศาสตราจารย์ ดร.เสริมเกียรติ จอมจันทร์ยอง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้เช่าพื้นที่รายใหม่ และชาวบ้านชุมชนล่ามช้าง รวมถึงอดีตอาจารย์ และศิษย์เก่าของโรงเรียนอนุศึกษา ได้ร่วมหารือกัน ณ ห้องประชุมวัดล่ามช้าง
นายมานิตย์ ขันธสีมา อดีตผู้บริหารโรงเรียนอนุศึกษา บอกกับทางผู้สื่อข่าวว่า เดิมโรงเรียนอนุศึกษา ได้เข้ามาเช่าพื้นที่วัดต้นปูน (ร้าง) และได้ก่อตั้งเป็นโรงเรียน โดยมีแม่ครูประไพ ระเบ็ง เป็นเจ้าของเดิม ซึ่งบริหารงานแบบครอบครัว ต่อมาเจ้าอาวาสวัดล่ามช้าง ได้เห็นความสำคัญของโรงเรียน ประกอบกับที่ดินของโรงเรียนเป็นวัดร้าง อาคารเรียนไม่มีจึงสร้างอาคารเรียน 2 ชั้น 8 ห้องเรียนให้ 1 หลัง โดยใช้ทุนทรัพย์ทั้งหมด เป็น เงิน 1,900,000 บาท
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2553 แม่ครูประไพ ระเบ็ง เสียชีวิต น้องสาว (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) เข้ามาบริหารโรงเรียนแทน ซึ่งได้มีเปลี่ยนแปลงการบริหาร จนทำให้คณะครูที่เคยอยู่มานานได้ขอลาออก และเมื่อปี พ.ศ. 2556 โรงเรียนอนุศึกษา ก็ได้ปิดตัวลง
“ในความคิดเห็นของผม หลังจากที่โรงเรียนได้ล้มเลิกกิจการแล้ว ทุกอย่างในโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นที่ดิน อาคารเรียน ต้องตกเป็นของทางสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ แต่จะให้ผู้ใดเช่าต่อนั้น เห็นควรว่า ต้องมีการทำประชาพิจารณ์เห็นชอบจากทางวัด และชุมชนก่อน เพราะทั้งอาคารเรียน-สาธารณูปโภคอื่นๆ นั้นเป็นการบริจาคของคนในชุมชนที่ร่วมกันสร้างโรงเรียนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 แล้ว” นายมานิตย์กล่าว
ขณะที่รองศาสตราจารย์ ดร.เสริมเกียรติ จอมจันทร์ยอง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้เช่าพื้นที่รายใหม่กล่าวว่า ตนได้ทำสัญญาเช่าที่ดินแปลงนี้จากสำนักงานพุทธศาสนาฯ อย่างถูกต้อง และมีเอกสารยืนยัน โดยได้ไปติดต่อขอเช่าพื้นที่กับสำนักงานพระพุทธศาสนา กรุงเทพฯ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และก็มาทำสัญญาเช่าที่สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ได้ตกลงเซ็นสัญญาเช่า รวมถึงวางเงิน จำนวน 8 ล้านบาทเพื่อเป็นการเช่าพื้นที่ในครั้งนี้
“สำหรับวัตถุประสงค์ที่เข้ามาเช่าที่ผืนนี้ ต้องบอกก่อนว่าตัวผมนั้นเป็นคนเชียงใหม่มาตั้งแต่เกิด และครอบครัวก็เป็นคนเชียงใหม่ สาเหตุที่เข้ามาเช่าที่ดินผืนนี้ เพราะอยากจะทำเป็นศูนย์การเรียนรู้ทางด้านภาษา และวัฒนธรรม ให้กับนักเรียนนักศึกษาจากต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมของชาวเชียงใหม่ และยังเป็นการเสริมรายได้ให้กับวิสาหกิจชุมชนที่จะมีพื้นที่ในการขายสินค้ามากขึ้นด้วย” รองศาสตราจารย์ ดร.เสริมเกียรติกล่าว
ด้านพระอธิการอานนท์ วิสุทธิ์โท เจ้าอาวาสวัดล่ามช้าง บอกว่า การประชุมในครั้งนี้ อาจจะยังไม่น่าพึงพอใจเท่าที่ควร เพราะทางสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ติดภารกิจ ยังไม่ได้มาร่วมการประชุมครั้งนี้ ตนจึงขอเป็นสื่อกลางเพื่อให้ทางชุมชน และทางรองศาสตราจารย์ ดร.เสริมเกียรติ ได้รับคำตอบที่ชัดเจนต่อไป
“เรื่องนี้ต้องมีคนที่รับผิดชอบ ไม่อยากให้เกิดปัญหาหาเช่นนี้ จึงจะหาข้อสรุปกันใหม่อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 58 ที่จะถึงนี้” พระอธิการอานนท์กล่าวทิ้งท้าย