xs
xsm
sm
md
lg

รวบสองผัวเมียโจรแสบลักทรัพย์เป็นอาชีพ ก่อเหตุทุกวันกว่า 1,000 คดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตำรวจภูธรภาค 3 แถลงข่าวจับกุม น.ส.จุฑารัตน์ ฮึกขุนทด อายุ 31 ปี และนายประสิทธิ์ อิศระภักดี อายุ 32 ปี จอมโจรสองผัวเมีย ก่อเหตุลักทรัพย์เป็นอาชีพ ในหลายพื้นที่รวมกว่า 1,000 คดี วันนี้ ( 26 ม.ค.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตำรวจภาค 3 รวบจอมโจรสองผัวเมียสุดแสบตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ในหลายพื้นที่ทั้งภาคกลาง ตะวันออก และอีสาน ก่อคดีมาแล้วกว่า 1,000 คดี สารภาพลักทรัพย์เป็นอาชีพออกก่อเหตุทุกวันเพื่อเลี้ยงครอบครัวและซื้อยาบ้ามาเสพ สอบประวัติเคยติดคุกคดีลักทรัพย์ 3 ปี 6 เดือน ไม่เข็ดออกมาก่อเหตุอีก อ้างไม่อยากให้ผัวลำบากทำงานรับจ้าง


วันนี้ (26 ม.ค.) ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.เติมพงษ์ สิทธิ์ประเสริฐ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รองผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พ.ต.ท.ภูมิ ทองโพธิ์ รองผู้กำกับการศูนย์สืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมกันแถลงผลการจับกุมผัวเมียแก๊งลักทรัพย์มืออาชีพก่อคดีในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2, 3 และ กรุงเทพฯ ได้ผู้ต้องหา 2 ราย คือ น.ส.จุฑารัตน์ หรือ เตี้ย ฮึกขุนทด อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 1 ต.ท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา และ นายประสิทธิ์ หรือ เอก อิศระภักดี อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/23 หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.เมือง จ.ชลบุรี ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน

พร้อมของกลาง 172 รายการ เช่น พระเครื่อง เหรียญพระชนิดต่างๆ กรอบพระ ตุ้มหู สร้อย มุก แหวน จี้เครื่องประดับ นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป ตู้เซฟขนาดเล็กแบบหิ้ว เครื่องคิดเลข กระเป๋าถือ กระเป๋าสตางค์ ลูกกุญแจ สมุดบัญชีของผู้เสียหาย บัตรประจำตัวประชาชน ใบอนุญาตขับขี่ บัตร ATM บัตรเครดิตของผู้เสียหาย โน้ตบุ๊ก ตั๋วจำนำ รถจักรยานยนต์ เป็นต้น

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นฯ หรือรับของโจร” ขณะแถลงข่าวมีผู้เสียหายกว่า 10 รายเดินทางมาดูทรัพย์สินและชี้ตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนด้วย

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า น.ส.จุฑารัตน์ และนายประสิทธิ์ไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติด และ มีการจำหน่ายทรัพย์สินของมีค่าอยู่เสมอ เชื่อว่าน่าจะได้มาจากการกระทำความผิดจึงติดตามพฤติกรรม กระทั่งเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมาได้นำกำลังเข้าตรวจค้นห้องพักไม่มีชื่อ ในซอยเบญจรงค์ 8/2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองเช่าพักอาศัยอยู่ พบทรัพย์สินจำนวนมากดังกล่าว ตรวจสอบจากเอกสารบัตรประจำตัวต่างๆ ทราบว่าเป็นเอกสารและทรัพย์สินของผู้อื่นที่ถูกขโมยมา

จากการสอบสวนขยายผลทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ประกอบเหตุลักทรัพย์เป็นอาชีพมาตั้งแต่ปี 2546 ในพื้นที่ จ.ชลบุรี กรุงเทพฯ และล่าสุดเข้ามาประกอบเหตุใน จ.นครราชสีมา ได้เงินจากการลักทรัพย์ต่อครั้งสูงสุดถึง 300,000 บาท โดย น.ส.จุฑารัตน์เป็นผู้ลงมือเข้าไปลักทรัพย์สิน ส่วนนายประสิทธิ์ ซึ่งเป็นเซียนพระ เป็นผู้นำพระเครื่องหรือทรัพย์สินของมีค่าไปจำหน่ายตามร้านทอง แผงพระ โรงรับจำนำต่างๆ และเคยถูกศาลจังหวัดชลบุรีตัดสินจำคุก 3 ปี 6 เดือนในคดีลักทรัพย์เมื่อปี 2546

นางจุฑารัตน์ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อเหตุลักทรัพย์มาแล้วทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 1,000 คดี โดยออกตระเวนลักทรัพย์ทุกวันเพื่อเอาทรัพย์สินไปขายนำเงินมาเลี้ยงครอบครัวและซื้อยาบ้ามาเสพด้วยกันสองสามีภรรยา ซึ่งตนต้องเสพยาบ้าถึงวันละ 5 เม็ด ส่วนที่ยึดการลักทรัพย์เป็นอาชีพเพราะไม่อยากให้สามีลำบากต้องไปทำงานรับจ้าง โดยส่วนใหญ่จะเลือกลงมือเฉพาะบ้านคนรวย

สำหรับประชาชนที่สงสัยว่าทรัพย์สินที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดมาได้อาจเป็นของตัวเอง สามารถตรวจสอบได้ที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้ในวันเวลาราชการ


 น.ส.จุฑารัตน์ ฮึกขุนทดและนายประสิทธิ์ อิศระภักดีผู้ต้องหาจอมโจรสองผัวเมีย
ผู้เสียหายมารุมชี้ตัว ระหว่างแถลงข่าวการจับกุม

กำลังโหลดความคิดเห็น