ราชบุรี - “เอสซีจี เปเปอร์” เดินหน้าเต็มที่ในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ มุ่งขยายธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งในไทย และต่างประเทศเพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ในระดับอาเซียน
ที่บริษัทสยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด โรงงานบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการแถลงข่าว “เอสซีจี เปเปอร์ เพิ่มศักยภาพธุรกิจบรรจุภัณฑ์” ตอกย้ำความเป็นผู้นำอาเซียน เพื่อนำเสนอทิศของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ของเอสซีจี เปเปอร์ ตลอดถึงแนวทางในการสร้างความแข้งแกร่งในการเป็นผู้บรรจุภัณฑ์ของอาเซียน
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปเปอร์ กล่าวว่า จากสภาพเศรษฐกิจโลกที่เริ่มจะฟื้นตัว รวมถึงมีปริมาณความต้องการบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มอาเซียนที่สูงขึ้น เอสซีจี เปเปอร์ จึงยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดในกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่เติบโตสูง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จึงได้เห็นความเคลื่อนไหวมากมายของเอสซีจี เปเปอร์ ในการเพิ่มศักยภาพให้แก่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และยังเป็นปัจจัยที่ช่วยรักษาความสามารถในการทำกำไรของบริษัทได้อย่างยั่งยืน
“เอสซีจี เปเปอร์ มุ่งขยายศักยภาพธุรกิจบรรจุภัณฑ์โดยลงทุนสร้าง และขยายฐานการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์กระดาษทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการของตลาด และเพิ่มธุรกิจไปสู่การเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์เฟล็กซิเบิลแพกเกจจิ้ง (Flexible Packaging) ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตมาจากวัสดุอื่นๆ นอกเหนือจากกระดาษ เป็นกลยุทธ์สำคัญในการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์มุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตสินค้า และผู้ให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงทุนในการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มงบประมาณมากขึ้นทุกปีเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า และสร้างศักยภาพให้แก่บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น” นายรุ่งโรจน์ กล่าว
นายรุ่งโรจน์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ออกสู่ตลาดมากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้สินค้าดังกล่าวตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน และมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น บรรจุภัณฑ์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมได้แก่ กระดาษแมชชีนเกลซ (MachineGlazed Paper) กระดาษบรรจุภัณฑ์ที่มุ่งเน้นความสะอาด และความปลอดภัย เหมาะสำหรับเป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่อาหาร และบรรจุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ต้องเน้นเรื่องความสะอาดปลอดภัยสูง กระดาษกลาซีน (Glassine Paper) กระดาษที่มีความเรียบ และโปร่งแสงสูงกว่ากระดาษทั่วไป ใช้เป็นวัสดุรองหลังสำหรับฉลากสติกเกอร์ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ถุงกระดาษเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม (Industrial Sack Bag) และแกนกระดาษ ฯลฯ
บรรจุภัณฑ์เพื่อสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ กระดาษสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีความปลอดภัยสูง (Food Safety Packaging) และกรวยน้ำดื่มอนามัยบรรจุภัณฑ์ที่สามารถสัมผัสอาหารได้โดยตรง ปลอดภัย ไร้สารเรืองแสง ผ่านมาตรฐานจาก GMP เป็นรายแรกในประเทศไทย และเฟล็กซิเบิลแพกเกจจิ้ง (Flexible Packaging) เพื่อใช้เป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ผ้าอ้อม หรือบรรจุภัณฑ์แบบเติม ฯลฯ รวมทั้งพัฒนาระบบการพิมพ์บรรจุภัณฑ์ให้มีคุณภาพ และหลากหลายมากขึ้น เพื่อยกระดับความสวยงามของบรรจุภัณฑ์
“บริษัทฯ หาแนวทางในการเพิ่มโอกาสเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน โดยเน้นกลยุทธ์การขยายฐานการผลิต โดยการมุ่งเน้นการขยายการเติบโตในอาเซียน และการตลาดไปยังกลุ่มประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพ รวมทั้งการบริหารช่องทางการขายทั้งในและต่างประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีเป้าหมายหลัก ได้แก่ ประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งมีอัตราการเติบโตของปริมาณความต้องการกระดาษบรรจุภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์กระดาษสูงอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์การพัฒนาสินค้าบรรจุภัณฑ์และบริการให้มีมูลค่าสูง (HVA) ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้บริโภค และกลยุทธ์การพัฒนาพนักงานด้วยการพัฒนาความรู้ และทักษะ ทั้งด้านเทคนิคการผลิต และตามสายวิชาชีพให้มีความเป็นเลิศ มีความเชี่ยวชาญ ทั้งพนักงานในประเทศ และต่างประเทศ” นายรุ่งโรจน์ กล่าว
นายรุ่งโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำบรรจุภัณฑ์ในอาเซียน เอสซีจี เปเปอร์ จึงเริ่มต้นปีด้วยการเปิดสายการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์แห่งใหม่ที่จังหวัดราชบุรี ด้วยเงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท และมีกำลังการผลิต 320,000 ตันต่อปี ทำให้ เอสซีจี เปเปอร์ เป็นผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดในอาเซียน
ด้าน นายวิชาญ จิตร์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด ในเอสซีจีเปเปอร์ กล่าวว่า “เครื่องจักรผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์เครื่องที่ 16 หรือ PM16 เครื่องใหม่นี้เป็นฐานการผลิตกระดาษที่สมบูรณ์แบบที่สุดได้คัดสรร และนำนวัตกรรมระดับโลกมารวมกับความเชี่ยวชาญทางด้านการผลิตกระดาษของเอสซีจี เปเปอร์ ทำให้ได้การผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพตรงต่อความต้องการใช้งานของลูกค้า
เริ่มตั้งแต่ระบบการผลิตเยื่อที่สามารถควบคุมสัดส่วนในกระบวนการผลิตได้อย่างแม่นยำ ทำให้กระดาษมีความแข็งแรงได้คุณภาพสูงสุด ระบบเครนเก็บจ่ายสินค้าอัตโนมัติแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่ช่วยเพิ่มความถูกต้องแม่นยำในการจัดเก็บจัดส่งสินค้า รวดเร็ว และลดความเสียหายของกระดาษจากการขนส่ง รวมทั้งเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในด้านการใช้น้ำ และพลังงานอย่างคุ้มค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชนรอบโรงงาน”
นอกจากกระบวนการผลิตที่ดีแล้ว จากความเชี่ยวชาญของพนักงานในการคำนวณสูตรการใช้เยื่อและเทคโนโลยีที่สนับสนุนต่อการผลิตทำให้สามารถผลิตกระดาษที่มีน้ำหนัก และความหนาลดลง แต่ความแข็งแรงสูงขึ้น เพิ่มความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้าในการใช้งาน และยังช่วยลูกค้าในเรื่องการลดต้นทุนในแง่การขนส่งได้อีกด้วย
“ฐานการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ใหม่นี้ทำให้บริษัทฯ สามารถผลิตกระดาษคุณภาพรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งขยายตลาดไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดอาเซียน และมองหาตลาดในประเทศใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อรองรับต่อกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น” นายวิชาญ กล่าว