รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่สั่งงัดกฎหมายจัดการโอเกะรีดค่าบริการโหด

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่สั่งทุกหน่วยงานงัดกฎหมายจัดการคาราโอเกะโหดรีดค่าบริการสูงเกินจริง ส่งผลกระทบการท่องเที่ยว

วันนี้ (20 ม.ค.) นายชนะ แพ่งพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงกรณีสถานบริการคาราโอเกะในจังหวัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ล่าสุดเก็บค่าบริการนักท่องเที่ยวกว่า 1 แสนบาท ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างความเสื่อมเสียด้านการท่องเที่ยวว่า นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งการให้มีการตรวจสอบและดำเนินการอย่างจริงจังทุกร้าน ถ้าพบว่ากระทำความผิดจังหวัดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยสั่งการไปยังฝ่ายปกครอง และตำรวจภูธรให้ตรวจสอบอย่างจริงจัง นำกฎหมายมาใช้ทุกฉบับ

ทั้งนี้ ปัจจุบันนี้พบว่ามีสถานบริการหลายแห่งที่ทำผิดกฎหมาย เช่น เรียกเก็บค่าบริการแพงเกินกว่าความเป็นจริง ไม่มีใบอนุญาต ปิดเกินเวลา ซึ่งถ้าจะต้องออกไปตรวจทุกวันก็ต้องทำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องบอกผู้ที่เข้าไปใช้บริการให้ระมัดระวังในเรื่องดังกล่าวนี้ด้วย

ส่วนกรณีที่อาจจะมีอิทธิพลหนุนหลังนั้นไม่ใช่สาระสำคัญ เนื่องจากมีการเรียกประชุมสถานบริการให้มารับทราบข้อกฎหมายและข้อห้ามอยู่แล้ว ถ้ามีใครกระทำความผิดก็ต้องดำเนินคดีทันที ส่วนการที่เจ้าหน้าที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่นั้น ถ้าพบก็ต้องเอาผิดกันตามกฎหมายเช่นกัน

“กระทรวงมหาดไทยได้เร่งรัดให้ทางอำเภอตรวจสอบสถานบริการในเชียงใหม่ภายในสัปดาห์นี้ ว่ามีสถานประกอบการใดที่ผิดกฎหมาย หรือกระทำความผิด ซึ่งถ้าอำเภอรายงานมายังจังหวัดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที”

ด้านนายถนอม กุยแก้ว เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ ฝ่ายกฎหมายและอำนวยความเป็นธรรม ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดมีสถานบริการที่ได้รับใบอนุญาต 59 แห่ง อยู่ในอำเภอเมือง 53 แห่ง มีร้านจำหน่ายสุราอยู่กว่า 1 หมื่นแห่ง ซึ่งตามกฎหมายแล้วผู้ประกอบการที่ไม่มีใบอนุญาตจะต้องถูกดำเนินคดีอาญา และต้องถูกปิดสถานบริการ โดยเชียงใหม่ได้ใช้ข้อกฎหมายในการควบคุมตั้งแต่มีการจัดระเบียบสังคมเป็นต้นมา ซึ่งคาราโอเกะที่มีการเรียกเก็บค่าบริการเกินจริงที่ฝ่ายปกครองมีข้อมูลนั้นมีอยู่ด้วยกัน 8 แห่ง มีใบอนุญาตเพียง 1 แห่ง ที่เหลือไม่มีใบอนุญาต และเปลี่ยนชื่อบ่อยครั้ง

ส่วนการคิดการเก็บค่าบริการสูงเกินจริงนั้น ข้อจำกัดของฝ่ายปกครองคือ ไม่ได้อยู่ในกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ เป็นเรื่องของผู้บริโภคกับสถานบริการ ดังนั้นถ้าจะเอาผิดสถานบริการก็ต้องไปเอาผิดในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งผู้เสียหายจะต้องร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือฟ้องคดีด้วยตนเอง ที่ผ่านมาจึงยังไม่มีการนำฟ้องต่อศาลเลย เพราะคดีจะจบกันที่พนักงานสอบสวนที่ไกล่เกลี่ยคดี นอกจากนี้แล้วในนโยบายการจัดระเบียบสังคมไม่ได้เอาเรื่องการเก็บค่าบริการแพงเกินจริงไปเอาผิดในการสั่งปิดสถานบริการด้วย