เพชรบูรณ์ - สำนักพุทธสั่งเข้มห้าม “อดีตพระเกษม” กลับมาบวชใหม่ตลอดชีวิต หลังลาสิกขาบทด้วยปาราชิกร้ายแรง ย้ำพระอุปัชฌาย์ผิดด้วยแน่ พร้อมเตรียมตั้งทีมเข้าตรวจสอบทรัพย์สิน ด้านศิษย์คู่กามรับเกิดเหตุจริง แต่ยันตอนประกอบกามกิจอดีตพระฉาวไม่รู้ตัว
วันนี้ (19 ม.ค.) นายธัญเทพ หมื่นยุทธ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า อดีตพระเกษม อาจิณณสีโล หรือนายเกษม ดวงแพงมาต เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์วัดป่าสามแยก ต.วังกวาว อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ที่ลาสิกขาบทหลังสารภาพกับลูกศิษย์และคณะกรรมการวัดว่าเสพเมถุนกับศิษย์จริงนั้น นายเกษมจะกลับมาบวชไม่ได้แล้วเพราะเป็นความผิดถึงขั้นปาราชิกร้ายแรง ซึ่งทางคณะสงฆ์ไม่สามารถรับได้และจะแก้ไขอย่างไรก็ไม่ได้
“ถ้านายเกษมไปบวช พระอุปัชฌาย์ก็จะมีความผิดไปด้วย ซึ่งจะได้ประสานไปทางเจ้าคณะจังหวัด (ธรรมยุต) เพื่อความชัดเจน โดยการออกประกาศว่าบุคคลที่ชื่อนายเกษม จะเข้ามาบวชในบวรพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นนิกายไหนก็ตามไม่ได้อีกต่อไป”
และในเร็วๆ นี้จะขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบภายในที่พักสงฆ์วัดป่าสามแยก ถึงความเป็นมาและเป็นไป ตลอดจนปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อต้องการให้เรื่องยุติ เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติย้ำให้ดำเนินการให้เรียบร้อย
นายธัญเทพกล่าวว่า ส่วนการแต่งตั้งเจ้าสำนักหรือเจ้าอาวาสนั้น ทางวัดจะดำเนินการเองไม่ได้ ต้องให้คณะสงฆ์จังหวัดเป็นผู้แต่งตั้ง ซึ่งอาจจะเป็นพระจากภายในวัด หรือจากวัดอื่นก็ได้ ส่วนเรื่องทรัพย์สินภายในวัดต้องตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจและขึ้นทะเบียนให้โปร่งใส โดยคณะกรรมการจะประกอบไปด้วยหลายภาคส่วน รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่
“ขอฝากพุทธศาสนิกชนที่จะเข้าไปทำกิจกรรมภายในวัด ให้พิจารณาถึงคำสอนทางพระพุทธศาสนา ให้แยกแยะว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ควรยึดคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ควรยึดติดตัวบุคคล”
และจากกรณีที่มีหลายฝ่ายเป็นห่วงว่านายเกษมจะสร้างลัทธิใหม่ขึ้นมานั้น กำลังพิจารณาอยู่เช่นกัน โดยจะเฝ้าติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด เพราะตนก็ไม่อยากให้เกิดลัทธิใหม่เหมือนที่ผ่านมา
ขณะที่บรรยากาศภายในวัดป่าสามแยก บรรดาลูกศิษย์ที่ยังเลื่อมใสนายเกษมยังมาร่วมปฏิบัติธรรมเป็นปกติ ถึงแม้จะดูบางตาไปบ้าง ขณะที่ศิษย์ซึ่งประกาศตนไม่ขอเกี่ยวข้องกับอดีตพระเกษมก็เริ่มกลับมามีศรัทธาเหมือนเดิม โดยทั้งหมดยืนยันว่ายึดถือคำสอนในพระไตรปิฎกเป็นหลัก ไม่ได้ยึดที่ตัวบุคคล แต่วัดต้องมีผู้ทำหน้าที่ผู้นำสงฆ์ โดยก่อนกล่าวคำลาสิกขาบท อดีตพระเกษมได้ตั้งให้พระอาจารย์ชาติ ปุณณาโพ ปฏิบัติหน้าที่แทน
ด้านท้าวนกน้อย คูณภูวงค์ ชาวปากเซ สปป.ลาว หนึ่งในศิษย์ที่มาศึกษาธรรมะในวัดแห่งนี้นานถึง 8 ปี ยอมรับว่าทราบข่าวครั้งแรกรู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่คิดอะไร และยืนยันว่าจะยังคงมาปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งนี้ตามปกติ
ขณะที่นายเต๋อ (นามสมมติ) ลูกศิษย์ที่ถูกระบุว่ามีเพศสัมพันธ์กับอดีตพระเกษม ยอมรับว่าเกิดขึ้นจริง แต่ความรู้สึกของตนเองตอนนั้นเข้าใจว่าอดีตพระเกษมจะลองใจ บวกกับความนับถือศรัทธาจึงไม่คิดจะห้ามอะไร แต่ก็ยืนยันว่าขณะที่อดีตพระเกษมมีเพศสัมพันธ์กับตน อดีตพระเกษมมีท่าทางไม่เหมือนเดิม เพราะเหมือนคนไม่รู้สติ
