พระนครศรีอยุธยา - ตร.พิสูจน์หลักฐาน พร้อมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ตรวจสอบภายในโรงงานบริษัท เอพีซีบี อิเลคทรอนิคส์ ที่ถูกเพลิงไหม้ ขณะทางโรงงานประกาศหยุดเพิ่ม อีก 7 วัน
จากเหตุการณ์ไฟไหม้ภายในบริษัท เอพีซีบี อิเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เลขที่ 139/2 หมู่ 2 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (16 ม.ค.) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องรวมถึงวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เดินทางลงพื้นที่สำรวจอาคารของโรงงานที่เกิดเพลิงไหม้ ตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 5 และดาดฟ้า โดยใช้เวลาตรวจสอบกว่า 1 ชั่วโมง พบว่ายังมีกลิ่นของสารเคมีอยู่รอบๆ อย่างได้ชัด
จากนั้น นายอนันต์ ศรีบูรพาภิรมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการ สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน พ.ต.อ.ณฐพล สามเสน รอง ผบก.ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย โยธาธิการจังหวัด ทั้งหมดได้ร่วมประชุมสรุปที่ห้องประชุมการนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จากการตรวจสอบเบื้องต้นในวันนี้ ยังไม่สามารถเข้าถึงในส่วนที่เป็นห้องปฏิบัติการได้ในหลายส่วน เนื่องจากพบว่ามีปริมาณกลิ่นของสารเคมีที่ยังรุนแรง
ในส่วนตัวอาคารนั้นเบื้องต้น อาคารยังถือว่าสมบูรณ์ มีแนวโน้มว่าจะสามารถกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง แต่ต้องได้รับการผ่านการตรวจ การทดสอบจากทางวิศวกรรมสถานอย่างละเอียด โดยจะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐานหาสาเหตุให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อนถึงจะเริ่มการทดสอบกับตัวอาคารได้ว่าจะสามารถกลับมาใช้งานได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่
ด้าน บริษัท เอพีซีบี อิเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากที่เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ได้มีประกาศที่ 1 ให้พนักงานหยุด 3 วัน โดยที่จะจ่ายค่าตอบแทนตามปกติ แต่ต่อมาหลังจาก 3 วัน ยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบอาคารได้ จึงมีประกาศฉบับที่ 2 ให้พนักงานหยุด 7 วัน นับตั้งแต่วันนี้ วันที่16 มกราคม-22 มกราคม 2558 โดยทางบริษัท จะยังคงจ่ายค่าตอบแทนเต็มตามอัตราจ้างที่ทุกคนได้รับ พร้อมทั้งให้พนักงานทั้งหมดกว่า 1,800 คน คอยติดตามข่าวสารได้ตลอดเวลา ทั้งประกาศจากบริษัท หัวหน้างาน หรือสอบถามได้จากสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จะเดินทางเข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานเพิ่มเติมในวันจันทร์ที่ 19 มกราคม เนื่องจากวันนี้ยังมีกลิ่นของสารเคมีภายในอาคารที่รุนแรง ต้องปล่อยให้ระบายออกมากกว่านี้ก่อนจึงจะสามารถเดินหน้าเข้าตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ได้อย่างละเอียดเพื่อทราบสาเหตุของเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป