ศูนย์ข่าวศรีราชา - ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเมืองพัทยา วอนตำรวจแก้ปัญหาอาชญากรรม และการจราจร หลังสถานการณ์เริ่มส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ด้าน ผบก.ชลบุรี ระบุการแก้ไขต้องบูรณาการร่วมรัฐ และเอกชน ถึงจะประสบผลสำเร็จ
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่โรงแรมแกรนด์โซเลย์เมืองพัทยา ทางสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา มีการประชุมโดยสาระสำคัญเป็นการหารือร่วมเกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งปัญหาการจราจรในพื้นที่เขตเมืองพัทยา โดยมีการเชิญ พล.ต.ต.นิติพงษ์ เนียมน้อย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เข้าร่วมรับฟังพร้อมชี้แจงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมได้มีการนำเสนอถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวอย่างปัญหาอาชญากรรม ซึ่งพบว่า มีความรุนแรง และต่อเนื่องเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งปัญหาการจราจรที่นับวันจะทวีความรุนแรง ที่สำคัญในระยะเวลาอันใกล้นี้เมืองพัทยายังมีอีกหลายโครงการที่จัดทำซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจราจรในระยะยาวได้
เช่น การจัดทำโครงการอุโมงค์ลอดทางแยกพัทยากลาง ซึ่งจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนมกราคมนี้ ขณะที่การบังคับใช้กฎหมายของภาครัฐซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ไขปัญหายังคงไม่มีความจริงจัง และต่อเนื่องมากนัก โดยเฉพาะกรณีของการจอดรถในที่ห้ามจอด ปัญหารถโดยสารสาธารณะ รถเช่า หรือแนวทางการเดินรถ ซึ่งในการนี้มีการร้องขอให้มีการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อความเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นสายชายหาด พัทยาสายสอง และสายสาม
ด้าน พล.ต.ต.นิติพงษ์ เนียมน้อย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าวว่า สำหรับปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนั้นถือเป็นภารกิจหลักของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องเข้ามาแก้ไข และป้องกันปราบปรามอย่างเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้หาแนวทางพร้อมจัดโครงการเพื่อดำเนินการอย่างจริงจังในหลายส่วน
เช่น โครงการมิสเตอร์แคร์คุณ ซึ่งเน้นการจัดส่งกำลังลงตรวจเฝ้าระวังในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างสายชายหาด และวอล์กกิ้งสตรีท ซึ่งสามารถบรรเทาปัญหาไปได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การป้องกันและปราบปรามนั้นแม้จะเป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรง แต่ทุกภาคส่วนก็ต้องสนับสนุน และให้ความร่วมมือด้วย เช่น การตรวจจับ เฝ้าระวัง และการแจ้งเบาะแสหาข้อมูลผู้กระทำผิด แต่ที่ผ่านมายังพบว่ามีปัญหา
โดยเฉพาะกรณีของกล้องวงจรปิดของเมืองพัทยา ที่มีการติดตั้งทั่วพื้นที่จำนวนนับร้อยเครื่อง แต่เมื่อเกิดเหตุกลับพบว่า จะสามารถตรวจสอบหาพยานหลักฐานจากกล้องได้เพียง 1% เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายจึงอยากให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจังด้วย
พล.ต.ต.นิติพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ปัญหาการจราจรนั้น นอกจากกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ความร่วมมือด้านอื่นๆ เช่น เรื่องของทาสีตีเส้น เรื่องของจุดจอดรถ เรื่องของอุปกรณ์สัญญาณ ป้ายบอกเส้นทาง รวมถึงเรื่องของวินัยการจราจรเองก็ต้องได้รับความร่วมมือด้วยเช่นกัน ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกันได้การแก้ไขก็จะเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม หลังคำสั่งการโยกย้ายนายตำรวจระดับสูงในพื้นที่ยุติลง ในฐานะผู้บังคับบัญชาก็จะเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ และแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน โดยจะเน้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และสังคมอย่างเต็มที่ และต้องทำได้แก้ไขได้อย่างเป็นรูปธรรมด้วย