นครปฐม - จังหวัดนครปฐม ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยโรงงานทอผ้า เอ็ม.เค.เท็กไทล์ หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 13 ม.ค. เบื้องต้นให้โรงงานหยุดทำการเพื่อปรับปรุง 60 วัน ส่วนสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของตำรวจ
วันนี้ (14 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนครปฐม นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และนายวิชัย มหามงคล อายุ 59 ปี เจ้าของโรงงานทอผ้า เอ็ม.เค.เท็กไทล์ หรือโรงงานทอผ้ามหามงคลเฮียบเชียง เลขที่ 15/1 ซอยปัญญามิตร หมู่ 6 ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่รวมทั้งหมด 13 หลัง บนพื้นที่ 5 ไร่ ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมหาข้อสรุปถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น และพิจารณาเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย
โดยที่ประชุมได้สรุปถึงความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้กว่า 30 ล้านบาท โดยไฟได้ลุกไหม้อย่างหนัก 2 โรง ล้วนเป็นเครื่องจักรทั้งสิ้นกว่า 100 เครื่อง ส่วนที่ไม่ได้ไหม้เสียหายแต่ก็ต้องเสียหายไปด้วยเนื่องจากโดนน้ำที่ใช้ควบคุมเพลิงอัดฉีดเข้าไปในตัวเครื่องทั้งหมดก่อให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ มีคนงานที่ปฏิบัติงานในส่วนนี้ จำนวน 97 คน เป็นแรงงานไทย 9 คน แรงงานพม่า 88 คน
ทั้งนี้ จากการประชุมได้ลงความเห็นว่า เพื่อให้เป็นไปตามตามกฎหมาย พ.ร.บ.โรงงานอุตสาหกรรม มาตรา 39 ได้สั่งการให้โรงงานหยุดทำการเป็นเวลา 60 วัน ขณะที่ทางอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด และ อปท. ในพื้นที่จะเข้าไปตรวจสอบความเสียหายว่าต้องประกาศเหตุเพลิงไหม้หรือไม่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย หากยังดำเนินกิจการได้ก็อาจจะให้หยุดกิจการเฉพาะบางส่วน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพนักงาน ส่วนสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเกิดจากสาเหตุใด
โอกาสนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม ลงพื้นที่ดูแลประชาชนด้านสุขอนามัยในพื้นที่ใกล้เคียงสถานที่เกิดเหตุ และมอบหมายให้สำนักงานแรงงานจังหวัดนครปฐม เตรียมจัดอบรมฝึกซ้อมแผนป้องกันภัยภายในโรงงาน หลังจากโรงงานดำเนินกิจการตามปกติ เพื่อให้พนักงานมีองค์ความรู้ในการป้องกันอัคคีภัยในเบื้องต้นเพื่อไม่เกิดความเสียหายมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมเสนอแผนป้องกันสาธารณภัย โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากจังหวัดนครปฐม มีโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 3,000 แห่ง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันสาธารณภัยในระยาวต่อไป