ศูนย์ข่าวศรีราชา - รพ.สมิติเวช ศรีราชา จัดซ้อมแผนอัคคีภัย ประจำปี 2557 ในภาคกลางคืน เสริมศักยภาพการดูแลความปลอดภัยผู้ใช้บริการ พนักงาน และบุคลากรทุกแผนก ชี้เหตุการณ์ร้ายแรงส่วนใหญ่มักเกิดช่วงกลางคืนจึงจำเป็นต้องจำลองสถานการณ์ให้เกิดเพลิงไหม้ในช่วงดังกล่าว เพื่อสร้างความพร้อมในการรับมือในทุกสถานการณ์
ค่ำวานนี้ (23 ธ.ค.) โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้จัดให้มีการซ้อมแผนป้องกัน และระงับอัคคีภัย ประจำปี 2557 โดยจำลองสถานการณ์การซ้อมเกิดเหตุเพลิงไหม้ในเวลากลางคืน เพื่อสร้างพร้อมในการระงับอัคคีภัย และสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้เข้ารับบริการรักษาพยาบาล ภายใต้คุณภาพมาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากล ซึ่งการซ้อมแผนอัคคีภัยในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากกองบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองศรีราชา ในการให้ความรู้ สนับสนุนรถกระเช้า และร่วมฝึกการซ้อมแผนระงับอัคคีภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล
นายแพทย์นพดล นพคุณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล กล่าวว่า สิ่งที่ โรงพยาบาลฯ ได้ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องคือ การเตรียมความพร้อมในส่วนของมาตรการความปลอดภัยในทุกสถานการณ์ ซึ่งการซ้อมแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยประจำปีนั้น โรงพยาบาลฯ ได้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องภายใต้ข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ.2542 และให้เป็นไปตามข้อกำหนดระดับสากล JCI ป้องกันการสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินจากอัคคีภัย
ที่สำคัญยังเป็นการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้เข้ารับบริการ และพนักงานเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ในทุกกรณี และยังเป็นการลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดเหตุอัคคีภัย
“ในปีนี้ได้กำหนดซ้อมแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย ภาคทฤษฎีในวันที่ 22 ธันวาคม และภาคปฏิบัติ (เวลากลางคืน) ในวันที่ 23 ธันวาคม โดยจำลองสถานการณ์ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณระเบียงชั้น 4 อาคาร A ซึ่งมีสาเหตุมาเกิดจากการสูบบุหรี่ของผู้รับบริการในพื้นที่ห้ามสูบ ที่มีการแจ้งระบุเป็นพื้นที่ห้ามสูบบุรี่อย่างชัดเจน และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้พบเห็นเพลิงไหม้ก็ปฏิบัติตามแผนการรับงับอัคคีภัยกลางของโรงพยาบาล และตามแผนระงับอัคคีภัยของแต่ละแผนกที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการอพยพคนไข้ และพนักงานทางบันไดหนีไฟ และทางรถกระเช้าของกองบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองศรีราชา มารวมกัน ณ จุดรวมพล”
โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบจำนวนคนไข้ และพนักงาน เพื่อคัดแยกระดับของผู้ป่วยหนัก ผู้ป่วยปานกลาง ผู้ป่วยธรรมดา ให้ได้รับการดูแลเบื้องต้นอย่างดีที่สุด และนำส่งผู้ป่วยหนักไปยังพื้นที่ หรือโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด
“การซ้อมแผนในครั้งนี้เมื่อประเมินจากการปฏิบัติงานแล้วเราพอใจในระดับหนึ่ง ซึ่งการซ้อมอาจมีอุปสรรคบ้าง เพราะเป็นการซ้อมแผนช่วงกลางคืนเป็นครั้งแรก และในปีต่อๆ ไปเราก็จะจัดซ้อมแผนในช่วงกลางคืน เพราะเหตุการณ์ส่วนใหญ่มักเกิดช่วงกลางคืนที่มีบุคลากรน้อย เราจึงต้องสร้างความพร้อมให้แก่เจ้าหน้าที่ในทุกเวลา” นายแพทย์นพดล กล่าว
