บุรีรัมย์ - จนท.ศูนย์ดำรงธรรมเตรียมรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพเรียกรับเงิน อ้างช่วยสอบบรรจุรับราชการท้องถิ่น สูญรายละ 3-5 แสน ส่งให้ผู้การตำรวจพิจารณาตั้งคณะพนักงานสอบสวนเอาผิดตามกฎหมาย ชี้เข้าข่ายความผิดฉ้อโกง
วันนี้ (14 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์เตรียมรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายที่เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม กรณีถูกนางชฎาพร โพธิ์แก้ว หรือเจ๊แดง พร้อมพวก หลอกลวงเรียกรับเงิน อ้างว่าสามารถช่วยเหลือบุตรหลานให้สอบบรรจุเข้ารับราชการ สังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ ทำให้สูญเงินรายละ 300,000-500,000 บาท
ทั้งนี้ เพื่อส่งรายชื่อผู้เสียหายให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจารณาตั้งคณะพนักงานสอบสวน หรือมอบหมายให้พนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่ทำการสอบสวน เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีผู้เสียหายหลายท้องที่ ทั้งใน อ.บ้านกรวด ประโคนชัย และลำปลายมาศ โดยพฤติการณ์และจำนวนผู้เสียหายอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
ขณะที่ พ.ต.อ.ไพศาล สุวรรณทา ผู้ทรงคุณวุฒิ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ระบุว่าคดีไม่ได้มีความซับซ้อน หลังจากรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายส่งมาก็จะเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำว่ากลุ่มมิจฉาชีพมีพฤติกรรมการฉ้อโกงหรือหลอกลวงอย่างไร จากนั้นก็จะเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวน เพราะจากข้อมูลผู้เสียหายก็ทราบตัวผู้หลอกอยู่แล้วว่าเป็นใคร
ที่ผ่านมาเคยมีผู้เสียหายมาร้องเรียนหลายราย ส่วนใหญ่จะถูกหลอกลวงลักษณะคล้ายกัน คือ อยากให้บุตรหลานได้บรรจุเข้ารับราชการ สังกัดกรมการปกครองท้องถิ่นเลยยอมจ่ายเงิน จึงอยากแจ้งเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองอย่าไปหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว เพราะการสอบเข้ารับราชการต้องมีกฎระเบียบควบคุมให้บริสุทธิ์ยุติธรรมอยู่แล้ว ไม่มีการจ่ายเงินเพื่อให้เข้ารับราชการแน่นอน
วันนี้ (14 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์เตรียมรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายที่เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม กรณีถูกนางชฎาพร โพธิ์แก้ว หรือเจ๊แดง พร้อมพวก หลอกลวงเรียกรับเงิน อ้างว่าสามารถช่วยเหลือบุตรหลานให้สอบบรรจุเข้ารับราชการ สังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ ทำให้สูญเงินรายละ 300,000-500,000 บาท
ทั้งนี้ เพื่อส่งรายชื่อผู้เสียหายให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจารณาตั้งคณะพนักงานสอบสวน หรือมอบหมายให้พนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่ทำการสอบสวน เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีผู้เสียหายหลายท้องที่ ทั้งใน อ.บ้านกรวด ประโคนชัย และลำปลายมาศ โดยพฤติการณ์และจำนวนผู้เสียหายอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
ขณะที่ พ.ต.อ.ไพศาล สุวรรณทา ผู้ทรงคุณวุฒิ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ระบุว่าคดีไม่ได้มีความซับซ้อน หลังจากรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายส่งมาก็จะเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำว่ากลุ่มมิจฉาชีพมีพฤติกรรมการฉ้อโกงหรือหลอกลวงอย่างไร จากนั้นก็จะเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวน เพราะจากข้อมูลผู้เสียหายก็ทราบตัวผู้หลอกอยู่แล้วว่าเป็นใคร
ที่ผ่านมาเคยมีผู้เสียหายมาร้องเรียนหลายราย ส่วนใหญ่จะถูกหลอกลวงลักษณะคล้ายกัน คือ อยากให้บุตรหลานได้บรรจุเข้ารับราชการ สังกัดกรมการปกครองท้องถิ่นเลยยอมจ่ายเงิน จึงอยากแจ้งเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองอย่าไปหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว เพราะการสอบเข้ารับราชการต้องมีกฎระเบียบควบคุมให้บริสุทธิ์ยุติธรรมอยู่แล้ว ไม่มีการจ่ายเงินเพื่อให้เข้ารับราชการแน่นอน
