บุรีรัมย์- พ่อแม่ผู้ปกครองเหยื่อมิจฉาชีพหลอกเรียกรับเงิน อ้างฝากบุตรหลานเข้าทำงานท้องถิ่นได้ สูญเงินรายละ 3-5 แสนบาท รวม 3 ล้านบาท บุกร้องศูนย์ดำรงธรรมที่ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ เร่งติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุกับพวกมาดำเนินคดีและจ่ายเงินคืน ซ้ำผู้ก่อเหตุยังท้าทายผู้เสียหายให้แจ้งความเอาผิดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ด้านผู้ว่าฯ เต้นสั่งติดตามตัวมาดำเนินคดีเด็ดขาด
วันนี้ (13 ม.ค.) พ่อแม่ผู้ปกครองในเขตพื้นที่ ต.หินลาด อ.บ้านกรวด และ ต.เขาคอก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ 6 ราย ร่วมกันบุกเข้าร้องทุกข์ยังศูนย์ดำรงธรรม ที่ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเอกสารหลักฐานหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน หลังถูกกลุ่มมิจฉาชีพเข้าไปหลอกลวงในหมู่บ้าน โดยอ้างว่ารู้จักเจ้านายระดับสูงจะสามารถฝากบุตรหลานสอบบรรจุเข้ารับราชการในสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556
โดยผู้ปกครองเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพระบุว่า นางชฎาพร โพธิ์แก้ว หรือเจ๊แดง อยู่บ้านเลขที่ 151 ม.10 ต.โพธิ์พิสัย อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ได้เรียกรับเงินค่าดำเนินการเพื่อนำไปจ่ายให้เจ้านายตามที่กล่าวอ้างรายละ 300,000-500,000 บาท ตามลำดับ ซี 1 ถึง ซี 3 เพิ่มขึ้นซีละหนึ่งแสนบาท โดยผู้เสียหายจะจ่ายทั้งเป็นเงินสดและโอนเข้าบัญชี นางชฎาพร ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มขบวนการหลอกลวง เป็นเงินทั้งสิ้นร่วม 3 ล้านบาท
ต่อมาเรื่องเงียบหายไปผู้เสียหายจึงได้สอบถามไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ถูกปฏิเสธว่าทางกรมฯ ไม่ได้มีการเปิดสอบบรรจุตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใดจึงรู้ว่าถูกหลอก ผู้เสียหายต่างติดต่อขอรับเงินคืนแต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง พร้อมยังท้าทายให้ไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวไปดำเนินคดีได้โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ทั้งขู่ว่าหากแจ้งความเงินดังกล่าวจะสูญ ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่เสียหายเข้าร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อร้องขอให้ติดตามจับกุมตัวนางชฎาพร และพวกมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และนำเงินมาคืนให้โดยเร็ว
นางพวงทอง มูลมณี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม.5 ต.เขาคอก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า ด้วยความที่อยากให้ลูกได้ทำงานเป็นข้าราชการและมีหน้าที่การงานที่มั่นคง จึงยอมจ่ายเงินให้แก๊งดังกล่าว ที่มีนางชฎาพร หรือเป็นที่รู้จักในนาม “เจ๊แดง” มาหลอกลวงว่าจะสามารถฝากบุตรหลานเข้าบรรจุเป็นข้าราชการในสังกัดกรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่นได้จึงหลงเชื่อ โดยเบื้องต้นตนได้จ่ายเงินให้นางชฎาพรก่อน 100,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 200,000 บาทจะจ่ายอีกทีหลังเพราะตอนนี้ยังไม่มีเงินพอ แต่มีผู้ปกครองอีกหลายคนที่จ่ายเงินไปทั้งหมดแล้ว
มาทราบทีหลังว่าทางกรมฯ ไม่ได้มีการเปิดสอบบรรจุ จึงได้พากันไปทวงถามเงินคืนแต่นางชฎาพรก็บ่ายเบี่ยงมาตลอดทั้งยังขู่ว่าหากไปแจ้งความจะไม่ได้เงินคืน จึงไม่มีใครกล้าไปแจ้งความ กระทั่งเวลาผ่านไปถึง 3 เดือนแล้วจึงพากันตัดสินใจมาร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมให้ช่วยเหลือนำตัวนางชฎาพร กับพวกมาดำเนินคดี และคืนเงินให้ผู้เสียหายทั้งหมดด้วย เพราะส่วนมากต่างไปกู้ยืมเงินนอกระบบมา ขณะนี้เดือดร้อนมาก
ขณะ นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ หลังทราบเรื่องได้สั่งการให้ศูนย์ดำรงธรรมรับเรื่อง พร้อมรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายทั้งหมดที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกหลอกเรียกรับเงินครั้งนี้ส่งให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ได้พิจารณาสั่งการให้ติดตามนางชฎาพร กับพวกมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานฉ้อโกงประชาชนโดยเร็ว ก่อนที่กลุ่มดังกล่าวจะไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันสร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่บุคคลอื่นซ้ำอีก
อย่างไรก็ตาม ทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวยังมีพฤติกรรมไปหลอกลวงเรียกรับเงินผู้ที่จะสอบเข้าเป็นข้าราชการตำรวจยศนายสิบอีกด้วย ซึ่งหากไม่เร่งติดตามนำตัวมาดำเนินคดีเชื่อว่าจะมีผู้ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกสูญเสียเงินอีกเป็นจำนวนมาก