ศูนย์ข่าวศรีราชา - คนร้ายใช้อาวุธสงครามทั้งอาวุธปืนกลพกสั้น และระเบิดสังหารอดีตผู้กว้างขวางในอำเภอบางพลี ดับภายในบ้านพักเขตอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ขณะหนีมากบดานในพื้นที่ ตำรวจตั้ง 2 ประเด็นสังหาร ทั้งปมแค้นเก่าที่อดีตผู้ตายเคยตกเป็นผู้จ้างวานฆ่าแต่ศาลฎีกาสั่งยกฟ้อง และปมขัดแย้งกับเพื่อนบ้านที่มักเมาสุราอาละวาท และยิงปืนขึ้นฟ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา (8 ม.ค.) ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คน ใช้ระเบิดมะนาว M67 พร้อมปืนกล และปืนพกสั้นขนาด 9 มม. กระหน่ำยิงอดีตผู้กว้างในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ที่หนีมากบดานที่บ้านเลขที่ 416 หมู่ 12 ตำบลหนองเหี่ยง อำเภอพนัสนิคม ซึ่งเป็นบ้านของผู้ตายจนดับอนาถ โดย พ.ต.อ.เชี่ยวชาญ เพิ่มพูน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพนัสนิคม ได้รายงานต่อ พล.ต.ต.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และ พล.ต.ต.นิติพงศ์ เนียมน้อย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยพิสูจน์หลักฐาน 2
ในที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านชั้นเดียว มีบริเวณกว้าง 3 ไร่ อยู่ห่างจากถนนราว 2 กิโลเมตร ซึ่งมีพื้นที่โดยรอบเป็นป่า พบศพ นายมานพ เจนพรมราช อายุ 62 ปี นามสกุลเดิมหาญณรงค์ อยู่บ้านเลขที่ตามบัตรประจำตัวประชาชนระบุบ้านเลขที่ 4 หมู่11 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และยังเป็นอดีตผู้กว้างขวางในอำเภอบางพลี ปัจจุบันมีบ้าน และห้องแถวให้เช่าอยู่จำนวนมาก และในแต่ละเดือนผู้ตายต้องเดินทางไปเก็บเงินค่าเช่าตามที่ต่างๆ
สภาพศพถูกอาวุธปืนสงครามแบบปืนกลมือ และอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงทั่วร่าง จำนวน 10 นัด เสียชีวิตอยู่บริเวณหลังบ้าน ใกล้ตัวผู้ตายพบปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ โดยมีปลอกกระสุนปืนกลตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 5 ปลอก และปลอกกระสุนขนาด 9 มม.อีก 9 ปลอก และภายในตุ่มขนาดใหญ่ยังพบระเบิดมะนาว หรือ M67 ตกอยู่ในลักษณะชนวนไหม้ไฟจมน้ำทำให้ระเบิดไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐาน 2 จึงยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนผู้อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า หลายปีก่อน นายมานพ ผู้ตายเคยเป็นผู้มีอิทธิพลและถูกขึ้นบัญชีดำในอำเภอบางพลี ที่สำคัญยังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีจ้างวานฆ่าผู้อื่น โดยศาลชั้นต้น และอุทธรณ์สั่งประหารชีวิต แต่สุดศาลฎีกา มีคำสั่งไม่มีความผิดให้ยกฟ้อง จึงคาดว่าน่าจะสร้างความโกรธแค้นให้แก่ญาติสนิทมิตรสหายของอีกฝ่าย ขณะที่ผู้ตายรู้ตัวว่ามีคนมาปองร้ายจึงหนีมากบดานอยู่บ้านที่เกิดเหตุนานถึง 5 ปีแล้ว
แต่เนื่องจากผู้ตายมีธุรกิจบ้าน และห้องแถวให้เช่าในอำเภอบางพลี จึงต้องเดินทางไปเก็บเงินเดือนละครั้ง และต้องเดินทางไปมาหลายแห่งจึงอาจจะเป็นช่องทางให้คนร้ายก่อเหตุดังกล่าว
นอกจากนั้น คนใกล้ชิดยังเผยว่า อีกหนึ่งประเด็นที่ไม่ควรตัดทิ้งคือ พฤติกรรมของผู้ตายที่สร้างความเอือมระอาให้แก่ชาวบ้านในละแวกดังกล่าว เนื่องจากมักดื่มสุราเมาอาละวาด และยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นประจำ
ด้าน พล.ต.ต.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ กล่าวว่า ผู้ตายทราบดีอยู่แล้วว่ามีคนปองร้ายจึงต้องพกปืนติดตัวตลอดเวลา ประกอบกับผู้ตายเคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีจ้างวานฆ่า แต่สู้คดีจนหลุดในชั้นศาลฎีกา จึงเชื่อว่าน่าจะสร้างความโกรธแค้นให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง โดยขณะนี้ได้ตั้งปมสังหารไว้ 2 ประเด็น คือ ความแค้นส่วนตัวทั้งในอำเภอบางพลี และเพื่อนบ้าน
