ปลัด อ.บ้านกรวด ยันคดีจำคุกไม้พะยูงเสาคอกควายเป็นแก๊งค้าไม้-เตือนโพสต์ภาพละเมิดศาล (ชมคลิป)

บุรีรัมย์ - ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.บ้านกรวด บุรีรัมย์ ยันบุคคลที่ถูกจับกุมดำเนินคดีและศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน ทั้ง 5 คน ฐานครอบครองไม้พะยูง เป็นขบวนการตระเวนกว้านซื้อไม้พะยูงส่งขายนายทุนมานานแล้ว ไม่ใช่ชาวบ้านตามที่โพสต์บิดเบือนในโซเชียลมีเดีย เสาคอกควายสภาพเก่า 1 ท่อน เป็นของกลางบางส่วน ชี้ทำเจ้าหน้าที่เสียหายและก้าวล่วงศาล


วันนี้ (7 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่มีการโพสต์ข้อความพร้อมภาพถ่าย และคำพิพากษาศาลว่ามีชาวบ้านครอบครัวหนึ่งจำนวน 5 คนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีฐานครอบครองไม้พะยูง 1 ท่อนซึ่งใช้ทำเป็นเสาคอกควายสภาพเก่า แต่ถูกศาลพิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 5 คนๆ ละ 1 ปี 6 เดือน ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ทำให้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นและแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมากนั้น

ล่าสุด นายชาญณรงค์ พงษ์สุวรรณ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารชุดกิจการพลเรือน กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 และตำรวจ สภ.โคกกระชาย จับกุมกลุ่มบุคคลดังกล่าวในวันเกิดเหตุ วันที่ 5 ก.ย. 2557 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.00 น. ที่บริเวณบ้านสายโท 12 เหนือ ม.8 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง ว่าบุคคลทั้งห้าที่ถูกจับกุมนั้นเป็นกลุ่มขบวนการค้าไม้ที่ตระเวนหาซื้อไม้พะยูงตามหมู่บ้านเพื่อส่งขายต่อให้นายทุน ไม่ได้จับกุมชาวบ้านตามที่มีการโพสต์ในโลกโซเชียลมีเดียแต่อย่างใด และบุคคลทั้งห้าไม่ได้เป็นญาติพี่น้องหรือครอบครัวเดียวกัน อีกทั้งเป็นชาวต่างจังหวัด ไม่ใช่คนในพื้นที่

ส่วนของกลางไม้พะยูงที่ตรวจยึดในวันเกิดเหตุจำนวน 1 ท่อนนั้น เป็นของกลางเพียงบางส่วนที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวซื้อมาจากชาวบ้านในหมู่บ้านที่ขนขึ้นรถไว้แล้ว และกำลังจะไปตระเวนขนไม้ที่เหลือที่ซื้อไว้อีกหลายท่อน แต่รถเกิดเสียกลางทางจึงมีชาวบ้านไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบและจับกุมก่อน

ทั้งนี้ จากการติดตามพฤติกรรมพบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้กระทำในลักษณะนี้มานานแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมได้ เพียงตรวจยึดไม้ของกลางที่ซุกซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ เท่านั้น

ส่วนกรณีที่มีการนำมาโพสต์ในโลกโซเชียลมีเดียก็ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไร แต่ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายได้รับความเสียหาย ทั้งเป็นการก้าวล่วงอำนาจศาลที่ได้พิจารณาตัดสินไปแล้ว อีกทั้งยังจะทำให้สังคมเข้าใจผิดมองเจ้าหน้าที่ในภาพลบได้ จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงให้สังคมได้รับทราบ

นายชาญณรงค์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาในพื้นที่ อ.บ้านกรวด มีการลักลอบตัดไม้พะยูงทั้งในเขตป่าอุทยานแห่งชาติตาพระยา พื้นที่ ส.ป.ก. และในที่ดินของชาวบ้านเป็นจำนวนมาก จากการสืบสวนพบว่ามีหลายกลุ่มที่เข้ามาลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ แต่จากการสนธิกำลังหลายฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ส่วนใหญ่จะตรวจยึดได้เพียงไม้ของกลางที่ถูกตัดซุกซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆ แต่ไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้

ด้านนางทองคำ แจ่มใส อายุ 52 ปี ชาวบ้านบ้านสายโท 12 ใต้ ยอมรับว่าตนเป็นคนขายไม้ให้กับกลุ่มดังกล่าวที่มาตระเวนหาซื้อในหมู่บ้านจริง เพราะเห็นว่าไม้มีสภาพเก่าผุกลวงมากแล้ว ซึ่งเดิมใช้เป็นเสาคอกวัวหลังบ้านปัจจุบันได้นำมาวางเป็นแนวรั้วกั้นดินหน้าบ้าน แต่พอกลุ่มบุคคลดังกล่าวมาถามซื้อโดยเสนอให้ในราคา 300 บาท จึงตัดสินใจขาย โดยที่ไม่รู้ว่าไม้ท่อนดังกล่าวเป็นไม้พะยูง คิดว่าเป็นไม้ตามไร่นาและไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร มีคนมาถามซื้อ 300 บาทจึงขาย กระทั่งมารู้ทีหลังเมื่อกลุ่มดังกล่าวมาบอกว่าถูกจับกุม พร้อมนำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อยืนยันว่าซื้อไม้มาจากตนเอง ทั้งที่ไม่รู้ว่าไม้ที่ถูกจับเป็นไม้ท่อนเดียวกันหรือไม่ จึงไม่ยอมเซ็นชื่อให้ไป