บุรีรัมย์- ผู้การฯ ตร.บุรีรัมย์ สั่งชุดสืบสวนภูธรจังหวัดลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจท้องที่เร่งหาข้อมูลเบาะคลี่คลายคดีคนร้ายฆ่าโหด สาวเจ้าของร้านมินิมาร์ททิ้งศพเปลือยคาห้องครัว ล่าสุด เรียกผู้ใกล้ชิดสอบเพิ่ม 8 ปาก เพื่อสาวหาตัวคนร้าย พร้อมตัดเล็บเหยื่อส่งตรวจดีเอ็นเอ ด้านพ่อนอกจากลูกสาวเคยโพสต์มีเรื่องกลุ่มโจ๋ข่มขู่แล้ว ยังเคยฟ้อง 2 ผัวเมียคดีลักทรัพย์ ล่าสุด เพิ่งออกจากคุกมา
วันนี้ (4 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีฆ่าโหด น.ส.จิตราวดี สวรรค์โพธิ์งาม หรือบี อายุ 30 ปี สาวเจ้าของร้านมินิมาร์ท ชื่อ “ร้านบีเซเว่น” ตั้งอยู่เลขที่ 100 ม.4 ต.ปะคำ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ริมถนนสายปะคำ-โนนดินแดง โดยใช้มีดเชือดคอ ฟันศีรษะ และแขนทั้งสองข้างเป็นที่น่าสยดสยองทิ้งศพเปลือยในห้องครัวที่ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ นั้น
ล่าสุด พล.ต.ต.สุวรรณ์ เอกโพธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัด ลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจชุดสืบ สภ.ปะคำ ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ เพื่อเร่งหาข้อมูลเบาะแสคนร้ายที่ก่อเหตุคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก
ขณะที่ พ.ต.ต.จักรภัทร ชมพูกุล พนักงานสอบสวน สภ.ปะคำ เจ้าของคดีได้เรียกผู้ใกล้ชิดทั้งเพื่อนบ้าน และกลุ่มวัยรุ่นที่มาซื้อของที่ร้านของผู้ตายเพิ่มอีก 8 ปาก ซึ่งผู้ตายจะเปิดร้านเฉพาะช่วงกลางคืนประมาณ 17.00-02.00 น. หลังเมื่อวานนี้ (3 ม.ค.) ได้เรียกสอบไปแล้ว 11 ปาก รวมเป็น 19 ปาก
ส่วนกลุ่มวัยรุ่นที่ผู้ตายได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กว่า มาก่อกวนปาระเบิดปิงปอง และข่มขู่หน้าร้าน ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. ก่อนจะพบกลายเป็นศพถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวมาสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อเหตุฆาตกรรมหรือไม่ พร้อมกันนี้ ยังได้ตัดเล็บของผู้ตายส่งไปตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 3 จ.นครราชสีมา เพื่อตรวจหาคราบดีเอ็นเอของคนร้าย ส่วนผลตรวจร่องรอยการถูกข่มขืนคาดว่าจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์ จึงจะทราบว่าเป็นการฆ่าข่มขืนหรือไม่ หรือเป็นเพียงการอำพรางให้ดูเป็นการฆ่าข่มขืน
ขณะที่ นายยงยุทธ สวรรค์โพธิ์งาม พ่อผู้ตายยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ด้วยว่า นอกจากลูกสาวจะโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่ามีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่นที่เคยมาซื้อของที่ร้านแล้ว เมื่อ 2-3 ปีก่อน ยังเคยฟ้องร้อง 2 สามีภรรยาซึ่งทำงานเป็นลูกจ้างที่ปั๊มน้ำมันของตัวเองที่เคยเปิดปั๊มน้ำมัน ในข้อหา “ลักทรัพย์นายจ้าง” เป็นเงินกว่า 300,000 บาท ซึ่งศาลฎีกาได้ตัดสินลงโทษจำคุกทั้งสองสามีภรรยา 2 ปี และให้ชดใช้เงิน 300,000 บาท ซึ่งล่าสุด เมื่อเดือน พ.ย.2557 ที่ผ่านมา ทราบว่าทั้งสองได้ออกจากเรือนจำกลับมาอยู่บ้านใน อ.ปะคำ แล้ว แต่ยังไม่รู้จะเกี่ยวข้องต่อคดีฆาตกรรมดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจะทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป