ศรีสะเกษ - “อาหลวง” ควงเมียสาวเดินสายดูโลเกชันถ่ายละคร “ทองภาค 10” ที่แก่งสะพือและผาแต้ม จ.อุบลฯ ก่อนกลับ กทม.หลังปีใหม่ ขณะหลานสะใภ้แจงสินสอด เงินสด 2 ล้าน ทองคำแท่ง 10 บาท ทองรูปพรรณอีก 10 บาท พร้อมแหวนเพชรเม็ดงาม เผยพ่อแม่เจ้าสาวเป็นคนใจบุญ ชอบทำบุญและตักบาตรทุกเช้า อีกทั้งไม่รับสินสอดลูกเขยวัย 83 ปีแม้แต่บาทเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนายฉลอง ภักดีวิจิตร ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังและศิลปินแห่งชาติ ปี 2556 วัย 83 ปี เข้าพิธีมงคลสมรสกับ น.ส.พิมพ์สุภัค อินทรีย์ อายุ 38 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ ที่บ้านเลขที่ 37/5 หมู่ 5 บ้านหนองคู ถ.ขุขันธ์ ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา สร้างความฮือฮาไปทั่วประเทศ ขณะที่ลูกชายผู้กำกับชื่อดังได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานดังกล่าว ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่บ้านเลขที่ 37/5 หมู่ 5 บ้านหนองคู ถ.ขุขันธ์ ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของนายวินัย และ นางสำราญ อินทรีย์ พ่อ และแม่ของ น.ส.พิมพ์สุภัค ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีแต่งงาน ปรากฏว่า บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ภายในบ้านที่เคยมีรถจอดอยู่หลายคันเหลือเพียงไม่กี่คัน โดยเฉพาะรถยนต์เบนซ์สีดำซึ่งเป็นรถประจำครอบครัวไม่ได้จอดอยู่ภายในบ้าน และประตูหน้าบ้านปิดสนิทไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่บริเวณตรงข้ามหน้าบ้านมีชาวบ้านพากันจับกลุ่มนั่งคุยกันอยู่
นางใจ จันทำ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/1 หมู่ 5 บ้านหนองคู และ นางรัญจวน จันทำ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่เดียวกัน ซึ่งทั้งสองคนเป็นหลานสะใภ้ของนายวินัย และนางสำราญ อินทรีย์ พ่อตา-แม่ยาย ของนายฉลอง ภักดีวิจิตร เปิดเผยว่า นายฉลอง ภักดีวิจิตร และ น.ส.พิมพ์สุภัค ภักดีวิจิตร รวมทั้งญาติพี่น้อง จำนวน 4 คน ได้ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเดินทางไปที่ จ.อุบลราชธานี ไปดูโลเกชันสถานที่สำหรับถ่ายละครโทรทัศน์เรื่อง ทอง ภาค 10 ที่แก่งสะพือ และผาแต้ม จ.อุบลราชธานี ซึ่งทั้งนายฉลอง และ น.ส.พิมพ์สุภัค มีกำหนดเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันที่ 4 ม.ค.นี้ เพื่อไปปฏิบัติภารกิจถ่ายทำละครต่อไป
สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ของเจ้าสาว รวมทั้งครอบครัวตระกูลอินทรีย์ทุกคนนั้นเป็นคนที่ชอบทำบุญมาก ทุกคนมีนิสัยใจคอที่เป็นคนใจบุญสุนทาน โดยช่วงเช้าตรู่ของทุกวัน นายวินัย และนางสำราญจะพากันทำบุญตักบาตรที่หน้าบ้านเป็นประจำ และหากใครมีความเดือดร้อน ครอบครัวนี้ก็จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่มาโดยตลอด
ในวันที่ประกอบพิธีมงคลสมรสนั้น ตนช่วยทำครัวอยู่ในครัวและได้ยินพิธีกรประกาศอย่างชัดเจนว่าค่าสินสอดในพิธีแต่งงานครั้งนี้เป็นทองคำแท่งหนัก 10 บาท ทองรูปพรรณอีกประมาณ 10 บาท แหวนเพชรน้ำงามเม็ดใหญ่อีก 1 วง เงินสด 2 ล้านบาท ซึ่งเงินสดจำนวน 2 ล้านบาทนี้ น.ส.พิมพ์สุภัคแจ้งว่า คุณพ่อ คุณแม่ไม่ขอรับเงินค่าสินสอด โดยมอบให้ น.ส.พิมพ์สุภัค และนายฉลอง เก็บไปไว้ใช้เป็นทุนในการประกอบอาชีพต่อไป ซึ่งโดยสรุปแล้วสินสอดทั้งหมดคุณพ่อ คุณแม่ของ น.ส.พิมพ์สุภัคได้คืนให้นายฉลอง และ น.ส.พิมพ์สุภัค ไปเป็นทุนในการประกอบอาชีพต่อไป
การที่มีผู้คนเข้าไปคอมเมนต์ในสื่อออนไลน์ รวมทั้งสื่อสารมวลชนหลายแห่งกล่าวหาว่า น.ส.พิมพ์สุภัคแต่งงานกับนายฉลอง ที่อายุมากกว่ากันถึง 45 ปีเพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่างนั้น ตนขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากครอบครัวอินทรีย์เป็นครอบครัวที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นหลานทวดของเจ้าเมืองศรีสะเกษ และมีเงินทองมากมายเหลือเฟือ เพราะ น.ส.วะริสะรา อินทรีย์ พี่สาว น.ส.พิมพ์สุภัค ไปประกอบอาชีพเป็นนักลงทุนเล่นหุ้นอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และประสบผลสำเร็จ ทำให้มีเงินทองมาสร้างบ้าน รวมทั้งตกแต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่เลิศหรูราคาแพง มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท
จึงเป็นไปไม่ได้ที่ น.ส.พิมพ์สุภัคจะไปต้องการเงินทองจากนายฉลอง เพราะแม้แต่ค่าสินสอดทองหมั้นพ่อแม่ของ น.ส.พิมพ์สุภัค ยังส่งคืนให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งหมด