ฉะเชิงเทรา - สายด่วน 191 แปดริ้ว โทร.สะดวกติดง่าย แต่ยังติดขัดปัญหาการติดต่อประสานงานระหว่างสายตรวจกับเครือข่ายตำรวจในพื้นที่ เพื่อให้เข้าถึงจุดเกิดเหตุได้เร็วขึ้น
วันนี้ (30 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความพึงพอใจของประชาชนในการใช้บริการสายด่วนฉุกเฉิน 191 เขต จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาของวันเปิดตัวในการปฏิรูปหมายเลขแจ้งเหตุ 191 ทั่วประเทศ ให้มีความพร้อมรับการให้บริการแก่ประชาชน และเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ชาวไทยทั่วทั้งประเทศ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันวานที่ผ่านมานั้น
สำหรับพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ของเมื่อค่ำวานนี้ (29 ธ.ค.) ประชาชนผู้แจ้งเหตุได้ขับรถยนต์มาพบอุบัติเหตุรถจักยานยนต์ถูกรถยนต์ไม่ทราบคู่กรณีเฉี่ยวชนจนล้มคว่ำ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย นอนสลบอยู่บนถนนขวางช่องทางการจราจรด้านซ้าย ส่วนตัวรถจักรยานยนต์นั้นล้มตะแคงขวางอยู่บนช่องทางด้านขวา ทำให้กีดขวางช่องทางการสัญจรบนถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-ฉะเชิงเทรา ในช่องทางขาเข้าทั้ง 2 ช่องทาง จากด้านไป และกลับรวม 4 ช่องการจราจร
โดยจุดเกิดเหตุนั้นอยู่บริเวณใต้สะพานรถไฟ ใกล้กลับจุดกลับรถวัดทดราษฎร์เจริญมณีฤทธิ์ ม.7 ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา หลังผู้แจ้งได้มาพบเหตุ และเกือบที่จะขับรถยนต์เหยียบซ้ำ แต่ยังสามารถหักคันบังคับรถหลบได้ทัน รวมถึงผู้สัญจรรายอื่นๆ ด้วยที่เกือบจะประสบอุบัติเหตุซ้ำซ้อนเช่นกัน จึงได้โทรศัพท์แจ้งเข้าไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ของตำรวจภูธร จ.ฉะเชิงเทราโดย มี ด.ต.โอฬาร ประเสริฐกุล เป็นผู้รับสายการแจ้งเหตุ เนื่องจากผู้แจ้งเหตุนั้นเกรงว่าจะมีรถยนต์ที่กำลังใช้เส้นทางขับผ่านมาพุ่งชน หรือเหยียบผู้ได้รับบาดเจ็บซ้ำจนเสียชีวิต
ต่อมา จึงได้มีรถยนต์ติดตั้งสัญญาณไฟฉุกเฉินของอาสาสมัครหน่วยกู้ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีจุดเฝ้าระวังเหตุอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุเดินทางมาถึง และให้สัญญาณไฟเตือนต่อผู้ใช้เส้นทาง ก่อนที่จะมี จนท.สายตรวจประจำตำบลเดินทางมาถึงยังจุดเกิดเหตุ และรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน จาก รพ.เมืองฉะเชิงเทรา (พุทธโสธร) เดินทางมาให้การช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย ทันต่อเวลาก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนขึ้น
และช่วงเวลา 00.06 น.ของวันที่ 30 ธ.ค. มีผู้แจ้งเหตุให้ความช่วยเหลือกรณีรถ จยย.ประสบอุบัติเหตุข้างต้นนั้น กลับได้รับโทรศัพท์จากทาง จนท.สายตรวจในจุดอื่นอีกครั้ง และสอบถามโดยระบุว่า เป็นผู้แจ้งเหตุทะเลาะวิวาทที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดฉะเชิงเทราอีก โดยพลเมืองดีดังกล่าวจึงได้ปฏิเสธกลับไปว่าไม่ได้เป็นผู้ที่แจ้งเหตุอื่นนอกจากอุบัติเหตุที่บริเวณใต้สะพานวัดทดเท่านั้น
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่า ระบบการสื่อสารในการประสานงานการแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือการประสานเหตุต่อช่วงของ สภ.ท้องที่ไปยังสายตรวจให้ตรวจสอบเหตุนั้นยังคงมีความบกพร่อง ที่อาจไม่ได้มีการจดบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของผู้แจ้งให้ตรงกับเหตุที่แจ้ง ซึ่งอาจส่งผลทำให้การเข้าถึงที่เกิดเหตุ หรือตรวจสอบเหตุร้ายที่กำลังเกิดขึ้นนั้นล่าช้า และอาจไม่ทันต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นนั้นได้
ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ พล.ต.อ.สุพร พันธุ์เสือ ที่ปรึกษา (สบ 10) สนง.ตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับต่อคณะกรรมการ กต.ตร และประชาชนที่เดินทางเข้ามาร่วมในงานพิธีเปิดศูนย์บริการรับแจ้งเหตุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันวาน ขณะเดินทางมาเป็นประธานเปิดศูนย์ฯ ว่า ขอให้ คณะกรรมการ กต.ตร. นั้นช่วยสอดส่องเป็นหูเป็นตา และช่วยกระตุ้นการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย พื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และอยากฟังเสียงสะท้อนด้วยว่าประชาชนพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจอย่างไร
