กาญจนบุรี - ปลัดอำเภออาวุโสอำเภอสังขละบุรี รักษาราชการแทนนายอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เตรียมหนุนบ้านใหม่พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ หลังเกิดความฮือฮาพบแม่วัว 3 ตัว ออกลูกเป็นกระทิง 4 ตัว 1 ใน 4 หนักกว่า 600 กก. เจ้าของเผยถูกกระทิงป่าหลงฝูงทับหลังคลอดมีนายทุนเสนอราคา 2 แสนไม่ขาย
เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. วันนี้ (28 ธ.ค.) นายสถิต วิทิตยนตรการ ปลัดอำเภออาวุโสอำเภอสังขละบุรี รักษาราชการแทนนายอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ยอดยิ่ง ชมมี ผบ.ร้อย ตชด.ที่ 134 ร.อ.สามารถ ประสพผล ผบ.ควบคุมส่วน ลว.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ร.ท.ราตรี จุลนีย์ รอง ผบ.ร้อย ทพ.ที่ 1407 กรมทหารราบที่ 14 กองทัพภาคที่ 1 นายพุทธชาย หลวงวิเศษ กำนันตำบลหนองลู นายบัญชา จินตสมิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 พร้อมคณะ และชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางไปที่บ้านใหม่พัฒนา หมู่ 7 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
พบ นางมะเสมี เสตะพันธุ์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 236 หมู่ 7 ต.หนองลู เจ้าของแม่วัวที่ออกลูกเป็นกระทิงเพศผู้ 2 ตัว และนายสุทธิชัย เสดวงศ์ชัย ชาวกะเหรี่ยง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 213 หมู่ 7 ต.หนองลู เพื่อนบ้าน และเป็นเจ้าของแม่วัวที่ออกลูกเป็นกระทิงเพศผู้ อายุ 3 ปี 5 เดือน หนักประมาณ 600 กิโลกรัม
โดยนางมะเสมี เสตะพันธุ์ เปิดเผยว่า ตนมีวัวอยู่ประมาณ 17 ตัว ได้ปล่อยฝูงวัวให้ออกไปหากินตามธรรมชาติเหมือนกับฝูงวัวของนายสุทธิชัย และเพื่อนบ้านคนอื่นๆ โดยในหมู่บ้านมีวัวรวมกันหลายร้อยตัว ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะปล่อยวัวเข้าไปหากินตามชายป่ารวมกันเกือบทั้งหมด ทุกคนต่างทราบดีว่า มีกระทิงป่าตัวผู้รูปร่างสูงใหญ่มาหากินอยู่กับฝูงวัวของชาวบ้าน แต่ไม่มีใครทราบมาก่อนว่า กระทิงป่าจะทับกับแม่วัวได้จนกระทั่งชาวบ้านทราบว่า แม่วัวของนายสุทธิชัย ออกลูกมาเป็นกระทิง
นางมะเสมี กล่าวต่อว่า ขณะนั้นแม่วัวของตนชื่อน้ำชา อายุประมาณ 20 ปี รูปร่างเล็กมาก ได้ตั้งท้องขึ้นมา เมื่อคลอดปรากฏว่า มีรูปร่างคล้ายกับกระทิงเหมือนกันกับของนายสุทธิชัย แต่ขณะคลอดลูกของมันได้ตกกระแทกกับพื้นอย่างแรง ทำให้กระดูกขาขวาด้านหลังบริเวณสะโพกแตก และพิการมาจนถึงปัจจุบัน ตนตั้งชื่อให้แก่มันว่า กาแฟ ขณะนี้อายุของมันประมาณ 2 ปีแล้ว แต่ด้วยความที่พิการทำให้เดินออกไปหากินตามธรรมชาติไม่ได้ รูปร่างของมันจึงไม่ค่อยเติบโตมากนัก หนักประมาณ 200 กิโลกรัม สูงประมาณ 1.50 เมตร
ต่อมา แม่วัวน้ำชาตัวเดิมได้ตั้งท้อง และคลอดลูกออกมาอีก 1 ตัว เป็นเพศผู้ และก็มีพ่อเป็นกระทิงป่าตัวเดียวกัน รูปร่างสมบูรณ์ นิสัยซุกซน อายุได้ 4 เดือน ตนตั้งชื่อให้ว่า โอเลี้ยง สาเหตุเพราะต้องการให้ 3 แม่ลูกมีชื่อคล้องจองกันคือ “น้ำชา กาแฟ โอเลี้ยง”
สำหรับ นายสุทธิชัย ได้นำแม่วัว และลูกไปผูกเลี้ยงไว้ที่ชายป่าใกล้หมู่บ้าน และเมื่อทุกคนเห็นถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน เนื่องจากลูกของแม่วัวที่มีลักษณะเป็นกระทิง มีลำตัวที่สูงใหญ่ล่ำสันกว่าแม่ถึง 3 เท่าตัว สูงประมาณ 170 เซนติเมตร ลำตัวยาวประมาณ 2.30 เมตรกว่า หนักประมาณ 600 กิโลกรัม สีออกน้ำตาลดำ ขนที่โหนกหน้าผากสีเหลืองอ่อน เขาเหมือนกระทิงป่า แต่ขาทั้ง 4 ข้างไม่มีขนคล้ายสวมถุงรองเท้าเหมือนกระทิงป่าทั่วไป
นายสุทธิชัย เสดวงศ์ชัย ชาวกะเหรี่ยง เปิดเผยว่า ตนและครอบครัวมีอาชีพรับจ้างทำไร่ เลี้ยงวัวเอาไว้กว่า 10 ตัว ปกติจะปล่อยให้วัวออกไปหากินตามป่าเขาในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม เหมือนเพื่อนบ้านทั่วไป เมื่อหลายปีก่อนพบว่า มีกระทิงป่าหลงฝูงเพศผู้ เดินออกมาจากป่าลักษณะรูปร่างล่ำสันสูงใหญ่ มีน้ำหนักมากกว่า 1 ตัน มาอาศัยหากินอยู่กับฝูงวัวของตน
นอกจากนี้ กระทิงตัวดังกล่าวยังไปอยู่กับฝูงวัวของเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งขณะนั้นชาวบ้านต่างก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปขับไล่มันเพราะเกรงว่าจะถูกกระทิงทำร้ายเอา
ต่อมา ประมาณเดือนเมษายน 2554 แม่วัวของตนชื่อ แดง ที่ตั้งท้องได้คลอดลูกออกมา ปรากฏว่า เป็นวัวเพศผู้ มีรูปร่าง และลำตัวสูงใหญ่ผิดปกติมาก ไม่เหมือนลูกวัวทั่วไป มาสังเกตพบภายหลังว่า ลูกวัวตัวนี้เขา และโหนกหน้าผากรวมทั้งใบหูที่ใหญ่ มีลักษณะคล้ายกับลูกกระทิงป่า ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งเหมือนกระทิง แตกต่างเพียงแค่ไม่มีขนเหมือนสวมถุงเท้าที่ขาทั้ง 4 ข้างเท่านั้น
เมื่อชาวบ้านมาเห็นจึงเชื่อได้ว่า กระทิงป่าตัวผู้รูปร่างสูงใหญ่ที่หลงป่าออกมาอาศัยหากินกับฝูงวัวของตนทับ จนแม่วัวของตนตั้งท้อง และคลอดลูกออกมา โดยหลังจากมีข่าวลือออกไปก็มีนายทุนมาดูเอ่ยปากขอซื้อในราคา 2 แสนบาท แต่ตนและครอบครัวไม่ต้องการขาย เพราะอยากเลี้ยงเอาไว้เอง ปัจจุบันอายุ 3 ปี 5 เดือนแล้ว” นายสุทธิชัย เผย
นายพุทธชาย หลวงวิเศษ กำนันตำบลหนองลู เปิดเผยว่า กระทิงป่าตัวดังกล่าวที่มีลูกกับแม่วัว 2 ตัว ลูกออกมา 3 ตัว นอกจากหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว กระทิงป่า ยังมีลูกกับแม่วัวอีก 1 ตัว ลูกออกมาเป็นเพศเมีย อายุประมาณ 1 ปีเศษ เป็นของนายหม่อง โจ เพล อายุประมาณ 50 ปีเศษ เป็นชาวกะเหรี่ยง อาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ 5 บ้านเวียคะดี้ ต.หนองลู ซึ่งเจ้าของนำไปเลี้ยงไว้ในป่าลึกจึงไม่สามารถนำคณะทั้งหมดไปตรวจสอบและดูได้ รวมกันแล้วกระทิงป่าตัวดังกล่าวได้ทับกับแม่วัวของชาวบ้านถึง 3 ตัว มีลูกออกมาทั้งหมด 4 ตัว เพศผู้ 3 ตัว เพศเมีย 1 ตัว และหากนักท่องเที่ยวต้องการมาดูสามารถโทรศัพท์ติดต่อมาหาตนได้ที่โทร. 08-6045-7118 ตนจะพาไปชมด้วยตนเอง
แต่เนื่องจากในพื้นที่สัญญาณโทรศัพท์ไมค่อยดีอาจโทร.ติดต่อไม่ได้ นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาดู เมื่อขับรถมาถึงอำเภอสังขละบุรีไม่ต้องเลี้ยวให้ขับรถตรงมาจนถึงประตูวัดวิงก์วิเวการาม หรือป้อมตำรวจวัดวังก์วิเวการาม แล้วให้เลี้ยวขวาไปตามถนนสายวัดวังก์วิเวการาม-บ้านห้วยมาลัย อีกประมาณ 18 กิโลเมตร ก็จะพบสี่แยกป้อมตำรวจบ้านห้วยมาลัย จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปที่บ้านใหม่พัฒนา เมื่อถึงหมู่บ้านก็สามารถจอดรถสอบถามชาวบ้านได้ ทุกคนต่างรู้จักเป็นอย่างดี
ด้าน นายสถิต วิทิตยนตรการ ปลัดอำเภออาวุโสอำเภอสังขละบุรี รักษาราชการแทนนายอำเภอสังขละบุรี กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเกิดมาก็ไม่เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงรู้สึกตื่นเต้น และแปลกใจมาก คณะที่มาด้วยกันทุกคนก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน และจากการสอบถามทราบว่า เมื่อหลายปีก่อนในป่าภูเขาเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม มีฝูงกระทิงป่าอยู่รวมกันประมาณ 5 ตัว เมื่อแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ชายป่าเขาด้านในลดลงเกือบแห้ง ฝูงวัวของชาวบ้านทั้งหมดก็จะไปกินหญ้าที่บริเวณดังกล่าวพร้อมกัน เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์
จนกระทั่งกระทิงป่าตัวดังกล่าวหลงฝูงออกมาอาศัยหากินอาหารรวมกันกับฝูงวัว และกระทิงทับกับแม่วัวจนตั้งท้อง และคลอดลูกออกมาอย่างที่เห็น และจากการที่ได้สอบถามไปยังเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ก็ไม่เคยปรากฏพบเห็นที่ไหนมาก่อน และอาจจะมีเพียงแห่งเดียวของจังหวัดกาญจนบุรี หรือแห่งเดียวของประเทศก็เป็นได้
แต่อย่างไรก็ตาม ตนจะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาตรวจสอบหาข้อมูลรายละเอียดที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นการอนุรักษ์สัตว์ได้ดีอีกทางหนึ่ง และหลังจากปรึกษากับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว พบว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตนก็ต้องการที่จะผลักดันให้บ้านใหม่พัฒนา หมู่ 7 ต.หนองลู แห่งนี้ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในอนาคตก็เป็นได้
