xs
xsm
sm
md
lg

เศร้า! เหยื่อซัลเฟอร์ฯ โรงไฟฟ้าแม่เมาะดับเพิ่มเป็น 14 รายแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจันทร์ เครือสืบ อายุ 78 ปี ผู้ป่วยคนสุดท้ายของชุดแรกที่ยื่นฟ้องแม่เมาะเสียชีวิตแล้ว
ลำปาง - ผู้เฒ่าวัย 78 ปี ผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เสียชีวิตเป็นรายที่ 14 ส่วนที่เหลือยังรอการเยียวยาจาก กฟผ.แม่เมาะ รายละ 2.4 แสนบาท หลัง กฟผ.ยังใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองเชียงใหม่

วันนี้ (17 ธ.ค.) นางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ ประธานเครือข่ายผู้ป่วยแม่เมาะ จ.ลำปาง เปิดเผยว่า เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา นายจันทร์ เครือสืบ อายุ 78 ปี บ้านเลขที่ 99 ต.นาสัก อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาลลำปาง ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยรายที่ 14 ที่ต้องเสียชีวิตลง

หลังต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการป่วยและต้องใช้เครื่องออกซิเจนช่วยหายใจเป็นประจำ เพราะได้รับสารพิษจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะเมื่อปี 2546 และ พญ.อรพรรณ เมธาดิลกกุล ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางโรงพยาบาลราชวิถี ได้ตรวจร่างกายระบุสาเหตุของโรคว่า นายจันทร์ป่วยด้วยโรคปอดอักเสบจากฝุ่นและพิษซัลเฟอร์ไดออกไซด์เรื้อรังจากมลพิษในพื้นที่แม่เมาะ และต่อมาอาการป่วยก็ทรุดมากขึ้น มีโรคแทรกซ้อนรวมถึงโรคหอบหืดเรื้อรัง จนกระทั่งล่าสุดนายจันทร์หายใจติดขัด ญาตินำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลและต้องนอนรักษาตัวเกือบ 1 เดือนจนสุดท้ายได้สิ้นลมแล้ว

สำหรับนายจันทร์ เครือสืบ เป็น 1 ใน 4 ผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ชุดแรกที่ยื่นฟ้องให้ กฟผ.แม่เมาะเยียวยาก่อนที่จะมีผู้ป่วยทยอยยื่นฟ้องเพิ่มเติม รวมทั้งหมด 130 ราย และขณะนี้กลุ่มผู้ป่วยชุดแรกทั้ง 4 คนได้เสียชีวิตทั้งหมดแล้ว โดยที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาจากทาง กฟผ. แม้ว่าล่าสุดศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษาให้ กฟผ.จ่ายค่าชดเชยให้เหยื่อรายละ 2.4 แสน แต่ กฟผ.ก็ยังคงใช้สิทธิอุทธรณ์คดี ขณะนี้รอการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่

สำหรับจำนวนผู้ป่วยที่แพทย์เฉพาะทางได้ระบุว่าได้รับสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะนั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 130 ราย (จากเดิม 142 รายแต่มีการถอนฟ้อง 12 ราย) ส่วนที่เหลือบางคนไม่มีเงินจะไปตรวจร่างกายจึงไม่สามารถหาหลักฐานพิสูจน์การเจ็บป่วยของตนเองได้ ซึ่งผู้ที่มีใบรับรองแพทย์ได้ยื่นฟ้องศาลขอให้ กฟผ.ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 1,086 ล้านบาท

กำลังโหลดความคิดเห็น