ร้อยเอ็ด - หลายภาคส่วนทั้งทหาร ปกครอง อสม. สาธารณสุขรุดให้ความช่วยเหลือ 3 ครอบครัวเหยื่อไฟไหม้บ้านในอำเภอจังหารเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา เผยความเสียหายรวมกว่า 4 ล้านบาท
จากกรณีเมื่อเวลา 23.30 น. คืนวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรลุกไหม้บ้านเรือนประชาชนบ้านแซงแหลม หมู่ 7 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด จำนวน 3 ราย หลังแรกเป็นบ้านของนายสมจิตร น้อยหลุบเลา อายุ 39 ปี แล้วลามไปไหม้หลังที่ 2 ด้านซ้ายมือของนายประดิษฐ์ วิลาจันทร์ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ก่อนที่จะลามไปยังบ้านหลังที่ 3 ทางขวามือของนายพรม จันทะดวง อายุ 60 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นบ้าน 2 ชั้นขนาดใหญ่ วอดไปหมดทั้ง 3 หลัง
ข่าวแจ้งว่า ขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้รถดับเพลิงในพื้นที่ อ.จังหารไม่สามารถใช้การได้ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ต้องขอความช่วยเหลือรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จำนวน 3 คันมาระงับเหตุ แต่กว่าจะมาถึงไฟได้ไหม้หมดทั้ง 3 หลังแล้ว โดยคิดเป็นมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท และมีเด็กนักเรียนถูกไฟไหม้ชุดนักเรียนจนหมดและได้รับบาดเจ็บจากไฟลวกแขน และเคราะห์ร้ายเงินที่ได้จากการขายข้าวนาปีจำนวน 7 หมื่นบาทที่เตรียมใช้หนี้กองทุนเงินล้านของหมู่บ้านก็ถูกไฟไหม้หมดเช่นกัน
ล่าสุดวันนี้ (8 ธ.ค.) หลังข่าวแพร่สะพัดออกไปได้มีชาวบ้านทั้งใกล้และไกลต่างทยอยเดินทางมาเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือเจ้าของบ้านที่ถูกไฟไหม้ทั้ง 3 ครอบครัว
ทางด้านทหาร พล.ต.สถาพร ใบพลูทอง ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด ได้นำคณะไปตรวจสอบสภาพความเสียหายของบ้านทั้ง 3 หลัง และแสดงเจตจำนงที่จะนำกำลังพลเข้าไปให้ความช่วยเหลือปลูกสร้างบ้านให้ใหม่ พร้อมกับมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมถึงผ้าห่มกันหนาวและเงินช่วยเหลือบางส่วนให้ทั้ง 3 ครอบครัวที่ประสบภัย
ด้านนายสุระ วิเศษศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ในสังกัดได้นำคณะแพทย์ลงพื้นที่เยี่ยมดูอาการเด็กนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ และจัดทีมจิตแพทย์ให้คำปรึกษาเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกอันเกิดจากความเครียดจากการประสบภัย พร้อมกับนำสิ่งของเครื่องใช้และเงินที่ได้จากการบริจาคของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดจำนวน 17,275 บาท ไปมอบให้ความช่วยเหลือด้วย
นอกจากนี้ ทางด้านกลุ่ม อสม.ร้อยเอ็ดยังได้รวบรวมเงินจากกลุ่ม อสม.ร้อยเอ็ด ออกเยี่ยมเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ประสบอัคคีภัย และมอบเงินอีก 14,406 บาทที่ได้จากจิตศรัทธาของเจ้าหน้าที่ร่วมกันบริจาคไปมอบแก่ผู้ประสบภัย ที่บ้านแซงแหลม ตำบลแสนชาติ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ดด้วยเช่นกัน
จากกรณีเมื่อเวลา 23.30 น. คืนวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรลุกไหม้บ้านเรือนประชาชนบ้านแซงแหลม หมู่ 7 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด จำนวน 3 ราย หลังแรกเป็นบ้านของนายสมจิตร น้อยหลุบเลา อายุ 39 ปี แล้วลามไปไหม้หลังที่ 2 ด้านซ้ายมือของนายประดิษฐ์ วิลาจันทร์ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ก่อนที่จะลามไปยังบ้านหลังที่ 3 ทางขวามือของนายพรม จันทะดวง อายุ 60 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นบ้าน 2 ชั้นขนาดใหญ่ วอดไปหมดทั้ง 3 หลัง
ข่าวแจ้งว่า ขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้รถดับเพลิงในพื้นที่ อ.จังหารไม่สามารถใช้การได้ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ต้องขอความช่วยเหลือรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จำนวน 3 คันมาระงับเหตุ แต่กว่าจะมาถึงไฟได้ไหม้หมดทั้ง 3 หลังแล้ว โดยคิดเป็นมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท และมีเด็กนักเรียนถูกไฟไหม้ชุดนักเรียนจนหมดและได้รับบาดเจ็บจากไฟลวกแขน และเคราะห์ร้ายเงินที่ได้จากการขายข้าวนาปีจำนวน 7 หมื่นบาทที่เตรียมใช้หนี้กองทุนเงินล้านของหมู่บ้านก็ถูกไฟไหม้หมดเช่นกัน
ล่าสุดวันนี้ (8 ธ.ค.) หลังข่าวแพร่สะพัดออกไปได้มีชาวบ้านทั้งใกล้และไกลต่างทยอยเดินทางมาเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือเจ้าของบ้านที่ถูกไฟไหม้ทั้ง 3 ครอบครัว
ทางด้านทหาร พล.ต.สถาพร ใบพลูทอง ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด ได้นำคณะไปตรวจสอบสภาพความเสียหายของบ้านทั้ง 3 หลัง และแสดงเจตจำนงที่จะนำกำลังพลเข้าไปให้ความช่วยเหลือปลูกสร้างบ้านให้ใหม่ พร้อมกับมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมถึงผ้าห่มกันหนาวและเงินช่วยเหลือบางส่วนให้ทั้ง 3 ครอบครัวที่ประสบภัย
ด้านนายสุระ วิเศษศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ในสังกัดได้นำคณะแพทย์ลงพื้นที่เยี่ยมดูอาการเด็กนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ และจัดทีมจิตแพทย์ให้คำปรึกษาเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกอันเกิดจากความเครียดจากการประสบภัย พร้อมกับนำสิ่งของเครื่องใช้และเงินที่ได้จากการบริจาคของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดจำนวน 17,275 บาท ไปมอบให้ความช่วยเหลือด้วย
นอกจากนี้ ทางด้านกลุ่ม อสม.ร้อยเอ็ดยังได้รวบรวมเงินจากกลุ่ม อสม.ร้อยเอ็ด ออกเยี่ยมเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ประสบอัคคีภัย และมอบเงินอีก 14,406 บาทที่ได้จากจิตศรัทธาของเจ้าหน้าที่ร่วมกันบริจาคไปมอบแก่ผู้ประสบภัย ที่บ้านแซงแหลม ตำบลแสนชาติ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ดด้วยเช่นกัน