พิษณุโลก - “ปูนิ่ม-วรากร” 2 ผู้บริหารเจ้าของผลิตภัณฑ์ “OHO บายปูนิ่ม” เบี้ยวนัดเข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหา ส่งทนายโทร.แจ้งยังป่วยอยู่โรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ พงส.นัดอีกรอบ 6 ธ.ค. ไม่มาอีกครั้ง จันทร์ที่ 8 ธ.ค.เจอหมายจับแน่
วันนี้ (2 ธ.ค.) พ.ต.อ.สามารถ จูเทศ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า หลังได้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหา 2 คน คือ น.ส.ศิรินทรา เส็งสิน หรือปูนิ่ม และนายวรากร ยิ้มอยู่ เจ้าของบริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ, ทหาร, ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก เข้าตรวจค้นบริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด สถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วนชื่อดัง “โอ้โห” เลขที่ 919/54 หมู่ 7 ต.อรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ให้มารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันนี้ ล่าสุดทั้ง 2 ก็ไม่ได้เดินทางมา
น.ส.ศิรินทรา และนายวรากร ได้ให้นายสัมพันธ์ ทองน้อย ทนายความส่วนตัว โทรศัพท์มาแจ้งพนักงานสอบสวนว่า ขณะนี้ น.ส.ศิรินทรา เส็งสิน และนายวรากร ยิ้มอยู่ ได้ป่วยและพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้นำเอกสารใบรับรองแพทย์ส่งมาแสดงเพื่อยืนยันว่าเข้ารับการรักษาพยาบาลจริง และให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาครั้งที่ 2 ในวันเสาร์ที่ 6 ธ.ค. 57 ถ้าหากยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหาอีก ก็จะออกหมายจับในวันจันทร์ที่ 8 ธ.ค. นี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของผู้บริโภคที่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วนยี่ห้อดังกล่าวไปแล้วนั้น ขณะนี้ได้ร่วมกันตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊กเพื่อเรียกร้องขอเงินค่าสินค้าคืนแบบไม่มีเงื่อนไข หรือเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทโอ้โห สลิมพลัส จำกัด พร้อมทั้งนำหลักฐานการโอนเงิน หรือหลักฐานข้อความในเฟซบุ๊ก ที่มีการพูดคุยเพื่อซื้อสินค้ากับตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว แต่ยังไม่ได้มีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด
ส่วนเฟซบุ๊กของ น.ส.ศิรินทรา เส็งสิน และนายวรากร ยิ้มอยู่ ขณะนี้ยังคงตั้งค่าสถานะเป็นส่วนตัว ไม่มีการตอบโต้ใดๆ แต่ก็มีลูกค้าบางส่วนยังคงเข้าไปแสดงความคิดเห็น และให้กำลังใจทั้งคู่อยู่บ้าง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่าสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ “OHO บายปูนิ่ม” ของบริษัทดังกล่าว มีลักษณะไม่ถูกต้องตามกฎหมายหลายรายการ นอกจากนี้สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกยังตรวจพบว่ามีสาร “ไซบูทรามีน” ซึ่งเป็นสารที่อันตรายต่อสุขภาพ หากรับประทานเป็นเวลานานจะสะสมจนถึงแก่ชีวิตได้ เป็นส่วนผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วนอีกด้วย
จึงถูกแจ้งความดำเนินคดีทั้งหมด 5 ข้อหา คือ พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ฐานจำหน่ายอาหารปลอม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 100,000 บาท, ฐานจำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท, ฐานจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, ฐานโฆษณาคุณประโยชน์และคุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท, พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2535 ฐานขายเครื่องสำอางแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ