ชุมชนหนองปรือตื่นตัวหลังโดนชาวเน็ตจวกยับไล่ผู้ป่วยเอดส์ออกนอกพื้นที่

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตัวแทนชุมชนหนองปรือ อำเภอบางละมุง ตื่นตัวหลังกระแสโซเชียลโจมตียับกรณีขับไล่ผู้ป่วยเอดส์ออกจากชุมชน ลงพื้นที่ดูสภาพปัญหาวอนสังคมเข้าใจไม่ได้รังเกียจผู้ป่วย ระบุการต่อต้านมีเพียงผู้ไม่เข้าใจบางส่วนเท่านั้น

จากกรณีที่มีกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เข้าร้องเรียนต่อทางเทศบาลเมืองหนองปรือ จ.ชลบุรี เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบ พร้อมประสานให้ยกเลิกการพักอาศัยของกลุ่มผู้ป่วยเอดส์ระยะสุดท้าย 48 คน ที่เข้ามาพักอยู่ในพื้นที่ของมูลนิธิกระท่อมพระสิริ กลางชุมชนดังกล่าว ด้วยกรณีนี้ได้ไปสร้างความไม่สบายใจให้แก่ชาวบ้านบางส่วนที่ต้องอาศัย และใช้ชีวิตปะปนกับผู้ป่วย เพราะหวั่นเกรงว่าอาจมีปัญหาเรื่องของการติดเชื้อแก่เยาวชน

อีกทั้งยังส่งผลกระทบให้ห้องพัก และอพาร์ตเมนต์ในพื้นที่ดังกล่าวถูกยกเลิกการพักจากผู้เช่าจนทำให้ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งเรื่องนี้จากการหารือร่วมกันของหลายฝ่าย ทั้งเทศบาลเมืองหนองปรือ มูลนิธิกระท่อมพระสิริ ชาวบ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็พบว่า ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ขณะที่ชาวบ้านก็ยังคงยืนยันว่า ให้ทางมูลนิธิดังกล่าวย้ายออกจากพื้นที่ไปอย่างถาวร

ขณะที่หลังจากกระแสข่าวเรื่องนี้มีการเผยแพร่ออกไปตามสื่อนั้น ปรากฏว่า มีการเสียงต่อว่าจากสังคมในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กกันอย่างรุนแรง โดยระบุว่า การกระทำเช่นนี้ถือว่าไม่ให้โอกาสแก่ผู้ป่วยที่หมดหนทางเลือก และชาวบ้านขาดความเข้าใจกันในเรื่องของการติดต่อของโรคอย่างชัดเจนนั้น

ล่าสุด วันนี้ (1 ธ.ค.) นายชาญชัย ลาวัณย์วงศ์ ที่ปรึกษาชุมชนบ้านห้วยร่วม เขตเทศบาลเมืองหนองปรือ พร้อมตัวแทนชุมชนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่และที่พักอาศัยของกระท่อมพระสิริ ในพื้นที่หมู่ 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ และผู้ป่วยในมูลนิธิ ก่อนสอบถามถึงสภาพจิตใจ และตรวจสอบแนวทางการบริหารจัดการภายใน

พบว่าปัจจุบันทางมูลนิธิดำเนินการนำเอาสแลนผ้าใบมาปิดแนวรั้วเพื่อป้องกันสัดส่วนที่ชัดเจน ขณะที่ปัญหาเรื่องของขยะติดเชื้อ และน้ำเสียนั้นก็พบว่า มีการจัดระบบรองรับเพื่อให้ปะปนกับชุมชนโดยรอบไว้อย่างชัดเจน

นายชาญชัย กล่าวว่า คงต้องลงมาดูสภาพความเป็นอยู่ และรายละเอียดการบริหารจัดการของมูลนิธิดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันเรื่องนี้ค่อนข้างลุกลามใหญ่โตมากขึ้นหลังมีการนำเสนออกไปตามสื่อต่างๆ โดยเฉพาะกรณีของการแสดงความคิดเห็นของผู้คนในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่ระบุว่า พื้นที่หนองปรือเป็นคนไม่มีจิตใจ และไม่เห็นใจผู้ป่วยที่ยากไร้เหล่านี้ จนมีการตั้งฉายาชุมชนไปต่างๆ นานาจนได้รับความเสียหาย

ซึ่งเรื่องนี้ข้อเท็จจริงแล้วชุมชนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รังเกียจ หรือต่อต้านการเข้ามาอยู่ของผู้ป่วยเหล่านี้แต่อย่างใด จะมีบ้างก็แค่ประชาชนในพื้นที่บางส่วนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งก็ต้องเข้าใจและคงต้องเรียกมาพูดคุย หรือสร้างเข้าใจในเรื่องของการติดต่อของโรคให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสภาพของมูลนิธิก็พบว่า ขณะนี้มีการเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลมากยิ่งขึ้น ทั้งการทำแนวรั้วใหม่ และการจัดแผนรองรับระบบน้ำเสียภายใน รวมทั้งปัญหาขยะติดเชื้อ ซึ่งพบว่ามีการขนถ่ายไปทิ้งยังพื้นที่ของโรงพยาบาล ไม่ได้ปะปนกับชุมชนแต่อย่างใด สุดท้ายผลจะออกมาอย่างไรก็คงต้องรอการพูดคุยของทุกฝ่ายในวันที่ 10 ธันวาคมที่จะถึงนี้

ขณะที่ผู้ป่วยเอดส์รายหนึ่ง กล่าวว่า เข้าใจคนในชุมชนดีว่าอาจมีความไม่สบายใจอยู่บ้าง ซึ่งส่วนตัวก็เสียใจที่นำปัญหามาให้ แต่ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะไม่มีทางเลือกจริงๆ เพราะมูลนิธิเองก็เป็นมูลนิธิขนาดเล็ก ไม่ได้มีทรัพย์สินมากมาย เมื่อมีคนเสนอขายที่ดินให้ในราคาถูกก็ดำเนินการหาเงินมาจัดซื้อ ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอก่อนนำผู้ป่วยเข้ามาร่วมกันสร้างที่พักเพื่ออยู่อาศัย

“โดยหลังจากเป็นข่าวก็ได้รับผลกระทบอยู่บ้างโดยเฉพาะการใช้ชีวิตประจำวันและการซื้อของตามร้านค้า ซึ่งปัจจุบันก็พยายามหลีกเลี่ยงไปซื้อของยังพื้นที่อื่น หรือห้างสรรพสินค้าเพื่อความสบายใจแก่ทุกฝ่าย และก็อยากขอความเห็นใจจากสังคมด้วย” นายชาญชัย กล่าว