พ่อร้อง นอภ.ภูกระดึง ช่วยตามหาลูกสาวที่เป็นทอม หลังถูกแฟนสาวหลอก

เลย - พ่อหอบสังขารจากบุรีรัมย์ร้องทุกข์นายอำเภอภูกระดึง ช่วยตามหาลูกสาวที่เป็นทอม เรียน ม.ราชภัฏนครราชสีมา ถูกแฟนสาวหลอกเป็นเครื่องมือขอพ่อโอนเงินให้หลายหมื่น หวั่นไม่ปลอดภัย เผยพฤติกรรมสุดแสบ ต้มตุ๋นคนไปทั่วจนพ่อแม่บุญธรรมต้องขายที่นาขายบ้านชดใช้ค่าเสียหายแทน ซ้ำยังเปิดเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อ-ภาพปลอมหลอกเหยื่อหลายราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องปฏิบัติงานนายอำเภอภูกระดึง จ.เลย นายสะอิ้ง อาษากูล ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ มาร้องทุกข์ต่อนายศรีธรรม ราชแก้ว นายอำเภอภูกระดึง ว่ามาตามหาลูกสาว คือ นางสาวภัทรานิษฐ์ อาษากูล หรือน้องอุ๊ กำลังเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยลูกสาวมีพฤติกรรมเป็นทอม และมีแฟนสาวอาศัยอยู่ใน อ.ภูกระดึง แต่ไม่รู้หมู่บ้านและตำบลไหน

นายสะอิ้งเล่าว่า บุตรสาวได้คบหากับแฟนสาวชื่อนางสาวสุนิสา ถิ่นฐาน อายุ 25 ปี ซึ่งอยู่ใน อ.ภูกระดึง เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ลูกสาวโทรศัพท์ขอให้ตนโอนเงินให้ประมาณ 40,000 บาท อ้างว่าเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเตรียมตัวสอบเป็นตำรวจพิสูจน์หลักฐานที่ จ.สกลนคร ซึ่งเชื่อว่าแฟนสาวอยู่เบื้องหลัง ล่าสุดลูกสาวยังได้โทรศัพท์ขอเงินอีก แต่ไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ไหน รู้แค่ว่าอยู่ใน อ.ภูกระดึง

จึงได้สอบถามไปยังเพื่อนของลูกสาวที่อยู่ อ.ภูกระดึง ที่รู้จักกับนางสาวสุนิสา แต่ไม่ทราบที่อยู่แน่ชัด ตนและญาติๆ เป็นห่วงลูกสาว จึงต้องเดินทางมาร้องทุกข์ต่อนายอำเภอเพื่อติดตามลูกสาวกลับมา กลัวจะไปทำความผิดอื่นๆ

นายศรีธรรม ราชแก้ว นายอำเภอภูกระดึง กล่าวว่า หลังทราบเรื่องจึงได้ประสานกับตำรวจ สภ.ภูกระดึง เพื่อให้นายสะอิ้งไปร้องทุกข์ให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามหาลูกสาว แต่นายสะอิ้งยังไม่ยอมแจ้งความเพราะกลัวลูกสาวจะไม่ปลอดภัย

ด้านแหล่งข่าวจากฝ่ายปกครองท้องที่ให้ข้อมูลว่า จากการสืบข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่านางสาวสุนิสามีพฤติกรรมสร้างเรื่องสร้างปัญหาให้ทางบ้านมานาน จนทำให้พ่อ-แม่บุญธรรมต้องขายที่นา ขายบ้านมาให้เคลียร์ปัญหาที่ก่อขึ้น ปัจจุบันไม่ทราบว่าพ่อ-แม่บุญธรรมไปพักและทำมาหากินอยู่ที่ไหน

ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมานางสาวสุนิสาได้หลอกให้ผู้ใหญ่บ้านจัดงานแต่งงานให้ ซึ่งนางสาวสุนิสาอ้างว่าจะมีผู้ชายซึ่งเป็นเศรษฐีจากกรุงเทพฯ มาแต่งงานด้วย ซึ่งจะได้สินสอดทองหมั้นเป็นทั้งเงินสดและทองคำมากกมาย และจะแบ่งส่วนหนึ่งให้ผู้ใหญ่บ้าน จนผู้ใหญ่บ้านหลงเชื่อ ยอมจ่ายเงินค่าใช้จ่ายล่วงหน้าไปก่อนเป็นเงินกว่า 60,000 บาท

แต่สุดท้ายไม่มีงานแต่งงานจริง และนางสาวสุนิสาได้หลบหนีไปอยู่ต่างจังหวัด จนทำให้พ่อ-แม่บุญธรรมต้องชดใช้เงินค่างานแต่งทั้งหมดด้วยการขายที่ ขายบ้าน ที่สุดได้ย้ายออกไปจากหมู่บ้าน และไม่มีใครทราบข่าวคราวอีกเลย

“นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้กันอีกว่า นางสาวสุนิสาเปิดเฟซบุ๊กด้วยการใช้ชื่อปลอมและใช้ภาพปลอม มีคนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อแล้วหลายราย หากใครที่รู้เบาะแสที่อยู่ของนางสาวสุนิสา ขอให้ช่วยแจ้งตำรวจด้วย”