ราชบุรี - พบแล้วเด็กในภาพประทับใจ ก้มกราบพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศูนย์อนามัยแม่และเด็กเขต 7 ปัจจุบันเป็นศูนย์อนามัยที่ 4 ราชบุรี เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2512
เวลา 14.30 น. วันนี้ (29 พ.ย.57) นางสิริลักษณ์ เจริญผล อดีตข้าราชการศูนย์อนามัยที่ 4 ราชบุรี ได้นำผู้สื่อข่าวไปพบกับนางวรรณี พฤกษาโรจนกุล อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/6 ถนนเจดีย์หัก อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เพื่อยืนยันว่าเด็กในรูปภาพที่ก้มกราบพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศูนย์อนามัยแม่และเด็กเขต 7 ปัจจุบันเป็นศูนย์อนามัยที่ 4 ราชบุรี เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2512 นั้น เป็นน้องชายของตนเอง
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านดังกล่าว พบนางอัมพร พฤกษาโรจนกุล หรือป้าเฮียง อายุ 84 ปี เป็นมารดา มีลูกทั้งหมด 9 คนและคนที่ก้มกราบพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นเป็นน้องคนที่ 7 คือบาทหลวง วัชระ พฤกษาโรจนกุล เจ้าอาวาสวัดนักบุญอังเยราซอนต้า ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เกิดวันที่ 1 มีนาคม 2509 อายุ 49 ปี
ขณะที่นางสาววลัยลักษณ์ พฤกษาโรจนกุล น้องสาวบาทหลวง วัชระ พฤกษาโรจนกุล ได้ยืนยันว่ารูปที่เห็นเป็นรูปของแม่พาพี่ชายสมัยตอนเป็นเด็กๆ ไปเฝ้ารับเสด็จ เนื่องจากแม่เล่าให้ฟังบ่อยมากเพราะเป็นภาพประทับใจจำได้ไม่ลืม แต่ตอนนี้แม่มีอายุมากแล้วความจำไม่ค่อยดี และสายตามองเห็นไม่ชัด
ทางด้าน บาทหลวง วัชระ พฤกษาโรจนกุล เปิดเผยภาพแห่งความประทับใจในวัยเด็กว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
แม่มาย้ำอีกว่า ตนเคยเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีภาพเก็บเอาไว้ ตอนที่ไปรับเสด็จในวัยเด็ก ตอนนั้นตนอายุประมาณ 3 ขวบ ซึ่งตนพอจำได้บ้างว่าเราเคยไปรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้กราบที่พระบาท
บาทหลวง วัชระ พฤกษาโรจนกุล เปิดเผยต่อว่า ภาพนี้เคยลงหนังสือพิมพ์และแม่เคยตัดเก็บไว้ วันนั้นใส่เสื้อยืดโปโลสีน้ำเงิน แม่พาไปรับเสด็จ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใกล้เสด็จมาถึง แม่ได้ดันก้นให้มุดเชือกที่กั้นเพื่อเข้าไปก้มกราบพระบาท ภาพนี้อยู่ในความทรงจำ แม้ว่าแม่เคยตัดรูปภาพจากหนังสือพิมพ์เก็บใส่อัลบั้มไว้แล้วแต่ทำหาย เพราะย้ายที่อยู่บ่อย
"ผมจำอยู่ในใจที่เคยไปรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และก้มกราบจนก้นโด่ง ถึงจะไม่มีหลักฐานแต่ก็อยู่ในใจ ใครจะบอกว่าเป็นเขา เราก็ยกให้เขา เราก็ไม่ว่าอะไร แต่กับเราที่เป็นภาพจริงที่อยู่ในนี้ เราเองถือว่าเราประทับใจและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเองสำหรับตัวผมพระองค์เป็นต้นแบบกับชีวิต เพราะว่าท่านทำงานเพื่อประชาชน"
"ผมเคยคิดว่าจะเป็นทหารรับใช้ประเทศชาติ แต่สุดท้ายก็ต้องมาเป็นบาทหลวงรับใช้เหมือนกันแก่ทางศาสนาแทน ก็ยังรักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ ยังมีความรู้สึกเทิดทูนท่าน เป็นภาพแห่งความประทับใจว่าครั้งหนึ่งได้เคยเฝ้ากราบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจำได้ว่าได้ใส่เสื้อตัวเก่งไปคือสีน้ำเงินตัวนี้ มีอยู่ตัวเดียวที่เก่งที่สุด รองเท้าก็ธรรมดามาก เพราะบ้านยากจนแต่ถือว่าเราใส่ดีที่สุดแล้วเพื่อเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นภาพที่ประทับใจมาตลอด แต่ก็ไม่สามารถที่จะตามหาภาพนี้ได้ จึงขอปิดทองหลังพระตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยมีพระราชดำรัสไว้ว่าการทำความดีไม่ต้องให้ใครรู้" บาทหลวง วัชระ พฤกษาโรจนกุล กล่าว