นักท่องเที่ยวตกอับถูกสาวไทยขโมยเงินหมดตัว อาศัยโรงพักเป็นที่ซุกหัวนอน

ศูนย์ข่าวศรีราชา - พบนักท่องเที่ยวตกอับถูกสาวไทยขโมยเงินหมดตัว เลยมาอาศัยโรงพักเป็นที่ซุกหัวนอน หลังเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ทราบเรื่องรุดช่วยเหลือส่งกลับประเทศ

วันนี้ (26 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.ส.ขวัญชนก ฐานะ เจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ว่า ได้ช่วยเหลือชายชาวต่างชาติที่ถูกหญิงไทยขโมยทรัพย์สินจนหมดตัวเลยต้องมาอาศัยนอนอยู่ที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบ

ภายในห้องพนักงานสอบสวนพบ Mr.Cherif Hafsaoui อายุ 68 ปี สัญชาติสวีเดน นั่งอยู่ในสภาพเนื้อตัวมอมแมม เนื่องจากไม่ได้อาบน้ำหลายวัน ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงกระเป๋าเป้บรรจุเสื้อผ้า 1 ใบ โดยมี น.ส.ขวัญชนก คอยดูแล พร้อมกับเปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) พบ Mr.Cherif มานอนอยู่ที่ สภ.เมืองพัทยา ทั้งวันทั้งคืน จึงไปสอบถามจนทราบว่า เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. และมีกำหนดกลับปลายเดือนนี้ แต่เมื่อกลางดึกของวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา Mr.Cherif ได้พาหญิงไทยเข้าไปหลับนอนที่โรงแรมอีสตินี่เพลส กระทั่งรุ่งเช้าพอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาปรากฏว่า สาวไทยหายตัวไป พร้อมกับขโมยเงินสด จำนวน 30,000 บาท และบัตรเครดิต ทำให้ไม่มีเงินจ่ายค่าที่พัก และซื้ออาหารกิน และไม่สามารถติดต่อกับลูกชายที่อยู่ในประเทศสวีเดนได้ จึงมาอาศัยหลับนอนที่โรงพักพัทยา

น.ส.ขวัญชนก เผยอีกว่า ได้รายงานเรื่องนี้ไปยังมูลนิธิช่วยเหลือนักท่องเที่ยวสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ และได้ประสานงานไปยังสถานทูตสวีเดน ก่อนกรอกข้อมูลส่วนตัวของนักท่องเที่ยว พร้อมกับมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น จำนวน 10,000 บาท เพื่อนำไปจ่ายค่าโรงแรมที่ยังค้างอยู่จำนวนหนึ่ง และเป็นค่าเดินทางไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องกลับประเทศ

ด้าน พ.ต.อ.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี รรท.ผกก.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่า สำหรับโครงการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือถูกก่อเหตุอาชญากรรมในพื้นที่เมืองพัทยา เป็นการร่วมมือกันระหว่าง สภ.เมืองพัทยา และมูลนิธิช่วยเหลือนักท่องเที่ยว โดยจะมีเจ้าหน้าที่ จำนวน 2 คน มาคอยให้บริการอยู่ที่ชั้นล่างภายในห้องพนักงานสอบสวน และกรณีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ

ภายหลัง Mr.Cherif ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยเหลือนักท่องเที่ยวว่า จะไม่ลืมบุญคุณของทุกคน เพราะตอนแรกไม่คิดว่าจะมีใครเหลียวแล หากกลับประเทศไปแล้วจะไปบอกให้เพื่อนๆ และญาติพี่น้องฟังว่า ในการเดินทางมาประเทศไทยในครั้งนี้ได้รับการดูแลช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี