นครปฐม - ผบช.ภาค 7 นำทีมตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง แถลงผลการกวาดล้างอาชญากรรมตามแผนปฏิบัติการปิดล้อมเมืองคืนความสุขให้ประชาชน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวนมาก พร้อมของกลางทั้งอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด
วันนี้ (26 พ.ย.) ที่หน้าอาคาร บก.ภ.จว.นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ รรท.รอง ผบช.ภ.7 ร่วมกับ นายชัยภัค สุนทรหงส์ นายอำเภอเมือง นครปฐม ตัวแทน นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ตัวแทน พ.อ.สุเทพ สมบูรณ์สิน เสนาธิการ กรมการสัตว์ทหารบก ตัวแทน พล.ต.ชาติชาย อ่อนน่วม เจ้ากรมการสัตว์ทหารบกและ พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.อนุพันธ์ จันทร์พฤษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม (ผอ.ศพส.ภ.จว.นครปฐม) รรท.ผกก.สภ.ดอนตูม ภ.จว.นครปฐม พร้อมรอง ผบก. ผกก.ชุดปฏิบัติตรวจค้นจับกุมทุกสถานี สังกัดตำรวจภูธรนครปฐม ได้ร่วมแถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ช่วงระหว่างวันที่ 22-26 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด 36 ราย ผู้ต้องหา 37 คน อาวุธปืนทั่วไป 40 กระบอก อาวุธมีทะเบียน 17 กระบอก ไม่มีทะเบียน 23 กระบอก กระสุนปืนขนาดต่างๆ 172 นัด ข้อหาความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 120 ราย ผู้ต้องหา 123 คน แยกเป็นข้อหาจำหน่าย 3 ราย ผู้ต้องหา 3 คน ข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย 13 ราย ผู้ต้องหา 17 คน ข้อหาครอบครอง 33 ราย ผู้ต้องหา 33 คน ข้อหาเสพ 78 ราย ผู้ต้องหา 78 คน ข้อหาสมคบ 2 ราย ผู้ต้องหา 2 คน อายัดทรัพย์สิน (เงินสด 4 แสนบาท) ของกลางยาเสพติดประกอบด้วย ยาบ้า จำนวน 1,466.5 เม็ด กัญชาแห้ง จำนวน 34.02 กรัม ยาไอซ์ จำนวน 6.82 กรัม พืชกระท่อม จำนวน 82 ใบ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าได้ 18 ราย ผู้ต้องหา 18 คน
พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 กล่าวว่า ปัจจุบันอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดนครปฐม มีความความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมเกี่ยวกับชีวิต และร่างกายโดยใช้อาวุธปืน ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากมีการลักลอบนำยาเสพติดจำนวนมากจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่งให้แก่ผู้ค้าในประเทศไทย
ดังนั้น เพื่อเป็นการกดดัน ควบคุมกลุ่มผู้ค้า และเครือข่ายการค้า รวมทั้งกลุ่มแก๊งอาชญากรรมในเชิงรุก ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม จึงกำหนดแผนปฏิบัติการปิดล้อมเมืองคืนความสุขให้ประชาชน สนธิกำลังจากหน่วยงานในพื้นที่ดำเนินการบูรณาการกว่า 600 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นจับกุมเป้าหมายพร้อมกัน 73 เป้าหมาย ใน 7 อำเภอ 12 สถานี ซึ่งหลังจากปฏิบัติการปิดล้อมเมืองคืนความสุขให้ประชาชน ก็ได้ผลสัมฤทธิ์ดังกล่าวที่นำมาแถลง
พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ยังได้กล่าวถึงกรณี เบนซ์ ท่าทราย ด้วยว่า ตำรวจจะไม่ยอมให้ผู้ต้องหาผู้ค้ายาเสพติดมาข่มขู่ตำรวจได้อย่างกรณี นายเบนซ์ ท่าทราย ที่ สภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งตำรวจต้องจะต้องปราบปราม ต้องจับ ต้องเอาจริง
ส่วนในพื้นที่ จ.นครปฐม การปราบปรามยาเสพติดจะมุ่งเป้าไปที่ชุมชนทางหลวง ซึ่งเป็นชุมชนใหญ่ที่เป็นแหล่งค้ายามานาน แต่ไม่สามารถจับกุมได้ ซึ่งจะใช้นโยบายในการสำรวจทะเบียนว่า แต่ละหลังมีชื่อใครบ้าง และสำรวจบุคคลที่อยู่ในบ้านว่า ต้องตรงกับทะเบียนบ้าน และมีการย้ายมาอยู่จริงหรือไม่ ถ้าไม่พบว่ามีการย้ายเข้ามาอยู่อาศัยจริงก็จะต้องเรียกตัวมาทำการสอบสวนให้ดำเนินการให้ถูกต้องต่อไป