แฉกลางสภาเมืองพัทยา จี้จัดการ จนท.เทศกิจนอกรีตเรียกเก็บส่วย อมเงินค่าปรับ

ศูนย์ข่าวศรีราชา - สม.ฉะกลางสภาเมืองพัทยา แฉ จนท.เทศกิจบางรายมีพฤติกรรมนอกรีตเรียกเก็บส่วย อมเงินค่าปรับจากประชาชน และผู้ประกอบการ ด้านนายกเมืองพัทยาระบุจัดแบ่งสายงานชัดเจน รับลูกสภาฯ ไปตรวจหาหลักฐาน หากพบเจ้าหน้าที่มีการกระทำไม่เหมาะสมพร้อมดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา

นายสนิท บุญมาฉาย สมาชิกสภาเมืองพัทยา ยื่นกระทู้ถามตรงต่อผู้บริหารในที่ประชุมสภาเมืองพัทยา โดยระบุว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน และผู้ประกอบการเป็นจำนวนมากว่าปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่เทศกิจบางรายมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม สร้างความเสียหาย และเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก โดยมีการเปรียบเทียบปรับเรียกเก็บเงินเกินจริง และไม่ส่งเงินบางส่วนเข้าส่วนงานที่เกี่ยวข้องจากผู้กระทำผิด หรือฝ่าฝืนเกี่ยวกับการจัดระเบียบ ตาม พ.ร.บ.ข้อบัญญัติรักษาความความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อย พ.ศ.2535

นายสนิท ระบุว่า ทุกวันนี้ปัญหานี้ถือว่าลุกลาม และขยายวงกว้างมากขึ้น ทำให้มีผู้เสียหายและร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ พฤติกรรมดังกล่าวจะมีการออกตรวจตามพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย และเมื่อพบผู้กระทำผิดก็จะดำเนินการเปรียบเทียบปรับ ซึ่งที่จริงแล้วก็เป็นอำนาจที่สามารถกระทำได้หลังได้รับการแต่งตั้งจากผู้บังคับบัญชาตามกฎหมาย

แต่ปรากฏว่า มีการเรียกเก็บเงินที่ผิดลักษณะ คือ การเรียกเก็บค่าปรับเกินจริง แต่เงินที่จัดเก็บนั้นกลับไม่มีใบเสร็จของทางราชการ หรือหากมีใบเสร็จก็จะลงไม่ตรงตามจำนวนเงินที่ได้ทำการเปรียบเทียบปรับไว้ เช่น เปรียบเทียบปรับเป็นเงิน จำนวน 1,000 บาท แต่จะลงในต้นขั้วใบเสร็จที่จะส่งเข้าสู่หลวงเพียง 300 บาท ขณะที่เงินอีกจำนวน 700 บาทหายไป กรณีนี้มีหลักฐานเป็นใบเสร็จ จำนวน 5 ใบ ที่ได้มาจากการร้องเรียนของประชาชน จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบด้วย เพราะถือว่าสร้างปัญหา และความเสื่อมเสียต่อเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก

ด้าน นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า กรณีการดำเนินการในส่วนของการบังคับใช้กฎหมายนั้นมีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามากำกับดูแลอย่างถูกต้อง โดยมี 3 ส่วนหลักเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งสำนักปลัดเมืองพัทยา สิ่งแวดล้อม และสาธารณสุข ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นหากเป็นเรื่องจริงก็ถือว่าสร้างความเสียหาย ซึ่งจากนี้จะรับเรื่องจากสมาชิกสภาเมืองพัทยา ไปขยายผลเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็คงจะตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินโทษทางวินัยสูงสุด พร้อมดำเนินการทางกฎหมายในคดีอาญาด้วย