ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจเชียงใหม่รวบแก๊งค์เงินกู้นอกระบบ เก็บดอกเบี้ยโหดร้อยละ 20 ต่อวัน ขูดรีดคนหาเช้ากินค่ำ หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผ่านศูนย์ดำรงธรรม เตรียมขยายผลถึงนายทุนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง
วันนี้ (19 พ.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรช้างเผือก แถลงผลการจับกุมเครือข่ายเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยมหาโหดร้อยละ 20 บาทต่อวัน ได้ผู้ต้องหา 4 คน คือ นายพัลลพ ตระกูลท่องไพร อายุ 21 ปี นายกฤษดา บุญยัง อายุ 24 ปี นายประดิษฐ์ เหลืองาม อายุ 33 ปี และนายสรวิทย์ แข็งธัญกิจ อายุ 32 ปี
พร้อมของกลางหมวกกันน็อกสีดำ 4 ใบ รถจักรยานยนต์ 4 คัน โทรศัพท์มือถือ เงินสด และบัญชีลูกหนี้ที่มีวงเงินหมุนเวียนหลายแสนบาท บางรายมีการกู้เงินหลักแสนด้วย นามบัตร และใบปลิวโฆษณาเงินกู้ ในข้อหาให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด
โดยการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ว่ามีขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบ โดยมีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่ากฎหมายกำหนดมาก และพบว่ามีการคิดดอกเบี้ยเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 20 บาทต่อวัน จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามพฤติกรรมกลุ่มคนร้าย
จนกระทั่งพบว่ามีการก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวจริง โดยมีพฤติกรรมในการแจกใบปลิว และนามบัตรอำพรางเป็นการเปิดให้ผ่อนสินค้าจำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าบังหน้า แต่ความจริงเป็นการปล่อยเงินกู้และอำพรางว่าเป็นการผ่อนสินค้า
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่ต้องการเงินหมุนเวียน ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่หาเช้ากินค่ำที่มีเงินหมุนเวียนทุกวันแต่ขัดสนจนต้องพึ่งพาเงินกู้ในอัตราที่แพง จนบางรายไม่สามารถผ่อนเงินต้นได้และต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายวันที่สูงถึงร้อยละ 20 ต่อวัน เช่น กู้เงินมา 1,000 บาท จะต้องจ่ายดอกเบี้ยถึงวันละ 200 บาท และหากกู้ 1 หมื่นบาทต้องจ่ายถึงวันละ 2,000 บาท ไม่รวมเงินต้น
โดยกลุ่มผู้ต้องหารับจ้างเป็นพนักงานเดินเก็บดอกเบี้ยให้แก่นายทุนที่อยู่เบื้องหลังที่ชาวบ้านจะเรียกกันว่าไอ้หมวกกันน็อกดำ ซึ่งจะมีการสวมหมวกกันน็อกสีดำแบบเต็มใบ จะตระเวนเก็บดอกเบี้ย เงินต้น และปล่อยเงินกู้ไปทั่วเมืองเชียงใหม่
ทั้งนี้ พบว่ามีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากแต่ก่อนที่จะใช้รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ สวมชุดดำหมวกกันน็อกดำให้ดูน่ากลัว แต่ช่วงหลังมีการกวาดล้างจับกุมกันอย่างหนักก็หันมาเปลี่ยนชุดแต่งตัวเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป ใช้รถจักรยานยนต์ที่มีขนาดเล็กลง จะไม่พบโพยบัญชีลูกค้ากับตัวเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ขยายผลเพื่อนำตัวนายทุนที่อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีให้ได้