ลำปาง - ญาติโร่แจ้งตำรวจ หลังครูใหญ่โรงเรียนพีระยานาวินฯ เมืองรถม้า เอาข้าวไปให้ไก่ พร้อมเก็บมะนาวในสวนนานผิดปกติ พอตามหาพบถูกมือปืนส่องดับคาสวน กระสุนเข้าใต้รักแร้ขวkทะลุซ้าย ตร.เชื่อขัดแย้งเรื่องส่วนตัว คนร้ายรู้ความเคลื่อนไหวเหยื่อดี ซุ่มรอก่อนเหนี่ยวไก
พ.ต.ท.นครศักดิ์ ชัยชนะวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.แจ้ห่ม อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง, แพทย์ รพ.แจ้ห่ม และเจ้าหน้าที่กู้ภัยแจ้ห่ม ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นสวนไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านทุ่งวิเชต หมู่ 11 ต.วิเชตนคร อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง หลังได้รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตคืนที่ผ่านมา (18 พ.ย.)
ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสวนมะนาว อยู่ห่างจากหมู่บ้านกว่า 2 กิโลเมตร บริเวณหน้าสวนพบรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจอดอยู่ ในตะกร้าหน้ารถพบถุงใส่มะนาว 1 ถุง, โทรศัพท์มือถือวางอยู่จำนวน 2 เครื่อง
เมื่อเข้าตรวจในสวนเจ้าหน้าที่พบศพนายวสันต์ เจนคิด อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 1 ต.แจ้ห่ม อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง มีตำแหน่งเป็นครูใหญ่โรงเรียนพีระยานาวิน ศูนย์ลำปาง ซึ่งเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กปฐมวัยในพื้นที่ อ.แจ้ห่ม สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืน นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือด คาดว่าจะเป็นปืนลูกซอง กระสุนเข้าที่บริเวณใต้รักแร้ข้างขวาทะลุข้างซ้าย
เมื่อตรวจสอบโดยรอบ เจ้าหน้าที่พบว่าทางด้านทิศใต้ของสวนดังกล่าวยังพบร่องรอยการมุดรั้วเข้ามาภายในสวนจุดหนึ่ง ส่วนทรัพย์สินต่างๆ ยังอยู่ครบ
จากการสอบถามนางดวงสุดา เจนคิด อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวของผู้ตาย ทราบว่า ช่วงเย็นหลังกลับจากโรงเรียนผู้ตายจะนำอาหารไปเลี้ยงไก่ และเก็บลูกมะนาวที่สวนเป็นประจำทุกวัน แต่วันนี้เมื่อออกบ้านแล้วเห็นว่าไปนานผิดปกติไม่กลับเข้าบ้าน ตนโทรศัพท์ติดต่อก็ไม่รับสาย ตนทนรออยู่ที่บ้านไม่ไหวจึงได้ชวนญาติออกมาตามหาจนมาพบเป็นศพอยู่ภายในสวนแล้ว จึงรีบโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่คาดว่า คนร้ายน่าจะมาเพียงลำพัง โดยมุดรั้วมาดักซุ่มรอผู้ตายอยู่ภายในสวนก่อนที่ผู้ตายจะเดินทางมาที่สวนดังกล่าว เมื่อเห็นผู้ตายเข้ามาเก็บมะนาวเสร็จแล้วกำลังจะกลับบ้านจึงได้ลงมือใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายจนเสียชีวิต ซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้คนร้ายน่าจะหมายเอาชีวิตอย่างเดียวไม่ต้องการทรัพย์สิน
สำหรับผู้ตายนั้นถือเป็นบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพ และเป็นที่รักเคารพนับถือของครู และเด็กๆ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าอาจจะเกิดจากการขัดแย้งเรื่องส่วนตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเรียกคนใกล้ตัวผู้ตายมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่า การก่อเหตุครั้งนี้คนร้ายน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ตายเป็นอย่างดี จึงได้มาดักซุ่มรอจังหวะที่ผู้ตายเดินทางไปที่สวนก่อนเหนี่ยวไกยิง