xs
xsm
sm
md
lg

รอ “ศบบ.” สรุปสาเหตุเบลล์ 212 ตกที่ จ.พะเยา คาด 1 สัปดาห์รู้ผล ด้านกองทัพปูนบำเหน็จทหารกล้า 7 ขั้น ขึ้นชั้น “พล.อ.” 5 นาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ผบ.ทบ.รดน้ำหลวงอาบศพพระราชทานทหารกล้า 9 นายสมเกียรติ กองทัพบกปูนบำเหน็จ 25 เท่า เลื่อน 7 ชั้นยศเป็น “พลเอก” 3 นาย ด้าน ผบช.ภ.5 เผยต้องรอศูนย์การบินทหารบกตรวจโดยละเอียด คาดรู้ผลใน 1 สัปดาห์ “บิ๊กป้อม“” ยอมรับใช้มานานแต่เปลี่ยนเครื่องยนต์ และอะไหล่ตามวงรอบ “ประยุทธ์” เสียใจ ช่วยเหลือครอบครัวเต็มที่ เผย “ผู้กองปอ” นักบินเพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกับแฟนสาวเมื่อ 22 มี.ค.

จากเหตุเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบเบลล์ 212 ของศูนย์การบินทหารบก (ศบบ.) ประสบอุบัติเหตุตกที่บริเวณบ้านดอกบัว ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา เป็นเหตุให้นายทหาร นักบิน ช่างเครืองรวม 9 นาย เสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย พล.ต.ทรงพล ทองจีน รองแม่ทัพภาค 3 พ.อ.กิตติ สุวรรณเจริญ รอง ผอ.กกท.ทภ.3 พ.อ.ยุทธพงษ์ เพื่อนฝูง ฝยย.ทภ.3 พ.ท.วุฒิศักดิ์ สุนทรสุข ผู้ช่วยนายทหารฝ่ายส่งกำลังบำรุง ทภ.3 จ.ส.อ.อนันต์ ชมเชียงคำ ชรก.ผยย.ทภ.3 พ.ท.มานิต สุรเสนา นักบิน ร.อ.วรพงษ์ ช่างสลัก นักบิน จ.ส.อ.อภิรุณ แสนดอนดู่ จ.ส.ท.สมภพ มาลัยวงศ์ ช่างเครื่อง ขณะเดินทางออกจากค่ายขุนเจืองธรรมิกราช จ.พะเยา เพื่อจะไปยังค่ายเม็งรายมหาราช จ.เชียงราย เหตุเกิดเวลา 17.30 น. วันที่ 17 พฤศจิกายนนั้น

รอง มทภ.3 ร่วมส่งศพ 9 ทหารกล้าสมเกียรติ

เช้าวานนี้ (18 พ.ย.) พล.ต.คู่ชีพ เลิศหงิม รองแม่ทัพภาค 3 พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และญาติผู้เสียชีวิต มาที่โรงพยาบาลพะเยา เพื่อรับศพทหารทั้ง 9 นาย ไปยังจังหวัดทหารบก (จทบ.) พะเยา โดยขบวนศพจัดไว้อย่างสมเกียรติ มีแถวทหารกองเกียรติยศรอรับ จากนั้นทำพิธีบังสุกุล ทหารเป่าแตรทำความเคารพและเพลงพญาโศก ก่อนเคลื่อนย้ายศพขึ้นรถเอ็ม 35 เอ 2 หรือรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่คันละศพ โดยมีทหารอารักขา นำกลับกองทัพภาคที่ 3

นายเผชิญ เพื่อนฝูง อายุ 60 ปี อาของ พ.อ.ยุทธพงษ์ กล่าวว่า พ่อแม่ของ พ.อ.ยุทธพงษ์ เสียชีวิตไปแล้ว พ.อ.ยุทธพงษ์ จึงรักตนเหมือนพ่อ มีอะไรก็จะพูดคุยปรึกษากันตลอด ตอนเด็กๆ พ.อ.ยุทธพงษ์ อยากเป็นหมอ แต่พ่อคือ ส.อ.ประสิทธิ์ เพื่อนฝูง ไม่ยอม จึงสอบเข้าเรียนทหารตามความต้องการของพ่อ ซึ่ง พ.อ.ยุทธพงษ์ เรียนเก่งมาก นิสัยดี เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ ไม่น่าจะมาเสียชีวิตอย่างนี้เลย ตนอยากให้กองทัพจัดซื้อยานพาหนะรุ่นที่ทันสมัย มีความปลอดภัย ไม่ใช่เอาชีวิตไปเสี่ยงอย่างนี้

“ตอนนี้เหมือนสูญเสียลูกชาย ซึ่งเพิ่งจะคุยกันก่อนที่จะเกิดเหตุไม่กี่วันว่าจะรวมบรรดาหลานโดยให้ พ.อ.ยุทธพงษ์ เป็นเจ้าภาพ แต่ก็มาตายเสียก่อน ผมคงรับหน้าที่ต่อ”

เวลา 11.00 น. คณะของ พล.ต.คู่ชีพ ไปตรวจสอบจุดเฮลิคอปเตอร์ตก โดยมี พล.ต.เฉลิมเกียรติ พนาเวศร์ ผบ.ศูนย์การบินทหารบก (ศบบ.) ร่วมเดินทางไปด้วย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา ได้เข้าเก็บชิ้นส่วนเฮลิคอปเตอร์ เพื่อร่วมหาสาเหตุด้วย เบื้องต้น คาดว่าจะทราบผลภายในหนึ่งสัปดาห์ จากนั้นเดินทางไปยัง จทบ.พะเยา พร้อมด้วยนายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เพื่อประกอบพิธีส่งศพนายทหารทั้ง 9 นาย ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดคูหาสวรรค์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก

ซากชิ้นส่วนกระจายจากจุดตก 20-100 เมตร

หลังทำพิธีส่งศพทหารทั้ง 9 นายเสร็จสิ้น พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 นำตำรวจวิทยาการภาค 5 และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา เข้าทำการตรวจซากเฮลิคอปเตอร์ รวมกับทหารจากศูนย์การบินทหารบกลพบุรี ซึ่งพบว่า เครื่องยนต์ตกอยู่ใกล้ร่องน้ำบริเวณทุ่งนา ส่วนหางแตกกระจายห่างออกไปอีกประมาณ 100 เมตร ปีกหมุนหางเครื่องตกห่างออกไปประมาณ 20 เมตร แทบไม่เหลือเค้าโครงของเฮลิคอปเตอร์

เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับทหารได้ปิดล้อมบริเวณไว้พร้อมติดป้าย “เขตห้ามเข้า” เพื่อรอการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีการตั้งเต็นท์เป็นกองอำนวยการ และจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่มาดูแล ขณะเดียวกัน ประชาชนพากันไปดูบริเวณที่เกิดเหตุ เและให้การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่เท่าที่จะทำได้

พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ กล่าวว่า ทางตำรวจจะรวบรวมรายละเอียดชิ้นส่วนของเฮลิคอปเตอร์ที่ตกตามจุดต่างๆ เพื่อส่งให้ฝ่ายทหาร รวมทั้งอำนวยความสะดวกในจุดเกิดเหตุอย่างเต็มที่

ข่าวแจ้งว่า จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า หลังจากเฮลิคอปเตอร์ออกจากค่ายขุนเจืองธรรมิกราชได้ไม่นาน และบินอยู่เหนือทุ่งนาก็มีเสียงดังผิดปกติเหมือนเครื่องยนต์ขัดข้อง จากนั้นมีเสียงระเบิดดังขึ้น ก่อนที่เครื่องจะพุ่งตกกระแทกกับพื้นดิน และระเบิดซ้ำอีกครั้ง ช่วงเกิดเหตุไม่มีลมพายุ หรือฝนตกหนัก รวมทั้งภูมิประเทศเป็นที่โล่งกว้าง ไม่ได้อยู่ในเขตภูเขาสูงแต่อย่างใด

ผบ.ทบ.รดน้ำหลวง-พระราชทานเพลิง 25 พ.ย.

เวลา 18.40 น. ที่วัดคูหาสวรรค์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ขบวนรถนำร่างนายทหารผู้เสียชีวิตทั้ง 9 นายมาถึงวัดคูหาสวรรค์ โดยกองทัพภาคที่ 3 ได้ตั้งแถวกองเกียรติยศต้อนรับอย่างสมเกียรติ จากนั้นกองทหารได้นำร่างนายทหารทั้ง 9 นาย ขึ้นไปบนศาลา 1

เวลา 20.10 น. มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ โดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธาน ร่วมด้วยนายทหารระดับสูงของกองทัพบก ท่ามกลางญาติมิตร และผู้ที่รักใคร่ที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาร่วมพิธีจำนวนมาก โดยจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพวันที่ 18-24 พฤศจิกายน เวลา 20.00 น. และพิธีพระราชทานเพลิงศพ วันที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 16.00 น. ณ วัดคูหาสวรรค์
งดบินเบลล์ชั่วคราวรอหาสาเหตุ ยันไม่ได้กลัว

ด้าน พล.ต.ธนา จารุวัต เสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ที่ตกเป็นแบบเบลล์ 212 ปกติมีอายุการใช้งานถึง 30 ปี ซึ่งที่ประจำการกองทัพภาคที่ 3 มีอายุงาน 20 ปี ยังเหลืออีกถึง 10 ปี นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสภาพตามวงรอบการซ่อมบำรุงตลอดเวลา แต่หลังเกิดอุบัติเหตุศูนย์การบินทหารบกลพบุรี และคณะกรรมการนิรภัยการบิน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ จะนำชิ้นส่วนไปวิเคราะห์ที่ จ.ลพบุรี พร้อมสอบพยานที่เห็นเครื่องตก เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริง

กรณีกระแสข่าวว่าเครื่องขัดข้องยังไม่สามารถตอบได้ บอกได้เพียงว่า ศพทั้งหมดอยู่ในเครื่อง โดยตกก่อนแล้วเกิดเพลิงไหม้ ยืนยันได้เครื่องยนต์ไม่ได้ไหม้กลางอากาศก่อน โดยระยะความสูงประมาณ 300 เมตร หรือ 1,000 ฟุตจากระดับพื้นที่ดิน ถือว่าไม่สูงมากนัก เพราะกำลังไต่ระดับ และปกติแม่ทัพภาคที่ 3 ก็ใช้เครื่องเบลล์ 212 ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 มีเบลล์ 3 ลำ ฮิวอี้ 5 ลำ ส่วนใหญ่ประจำการอยู่ชายแดน เครื่องฮิวอี้บางลำมีอายุการใช้งานมากกว่าเครื่องเบลล์ 212 หากหมดอายุศูนย์การบินทหารบกลพบุรีก็ปลดระวางตามระเบียบอยู่แล้ว

พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4 กล่าวว่า ล่าสุด กองทัพภาคที่ 3 ได้สั่งงดบินเฮลิคอปเตอร์แบบเบลล์ชั่วคราว เพื่อตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของเครื่อง ทั้งนี้ ยืนยันว่าเครื่องลำที่เกิดเหตุมีการเปลี่ยนอะไหล่ตามวงรอบ แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นจำเป็นต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานศูนย์นิรภัยการบิน จึงจำเป็นต้องสั่งงดการบินชั่วคราวของเฮลิคอปเตอร์ ประจำกองทัพภาคที่ 3 ทั้งหมด แต่ไม่ใช่เพราะทหารขลาด ไม่กล้าใช้ หรือนั่งเครื่องบินแทน แต่ต้องหาสาเหตุเบื้องต้นให้เป็นไปตามหลักสากลก่อน

ทัพบกปูนบำเหน็จ 7 ขั้นขึนชั้น “พล.อ.” 5 นาย

ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกองทัพบก กล่าวว่า นับเป็นการสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่ายิ่งของกองทัพบกที่ได้เสียสละ มุ่งมั่น ทุ่มเท ปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถ เหตุการณ์ครั้งนี้นำมาซึ่งความเสียใจอย่างสุดซึ้งของผู้บังคับบัญชา ผู้ร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา ครอบครัว ตลอดจนประชาชนที่ทราบข่าว ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 ได้ดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตในทุกเรื่อง ส่วนกองทัพบกดำเนินการเกี่ยวกับสิทธิกำลังพล การมอบเงินช่วยเหลือตามสิทธิของทางราชการ ได้แก่ เงินค่าทดแทน เงินบำเหน็จตกทอด เงินสินไหมทดแทนจากการประกันชีวิตของกองทัพบก เงินบำรุงขวัญจากหน่วยงานต่างๆ และเงินสงเคราะห์ฌาปนกิจ เป็นต้น โดยจะได้รับรายละ 2-6 ล้านบาทตามสิทธิของแต่ละบุคคล พร้อมปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น และขอพระราชทานยศเป็นกรณีพิเศษให้แก่ผู้เสียชีวิต

โดย พล.ต.ทรงพล พ.อ.กิตติ พ.อ.ยุทธพงษ์ พ.ท.วุฒิศักดิ์ และพ.ท.มานิต จะได้รับพระราชทานยศเป็น “พล.อ.”

ร.อ.วรพงศ์ ได้รับพระราชทานยศเป็น “พ.อ.” จ.ส.อ.อนันต์ ได้รับพระราชทานยศเป็น “พ.ท.” จ.ส.อ.อภิรุณ ได้รับพระราชทานยศเป็น “พ.ต.” และจ.ส.ท.สมภพ ได้รับพระราชทานยศเป็น “พ.ท.” และกองทัพบกจะให้การดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกด้านอย่างดีที่สุด

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ โดยคณะกรรมการนิรภัยการบิน ศูนย์การบินทหารบก ร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 พร้อมทั้งกู้อากาศยาน ทั้งนี้ ยืนยันว่ากองทัพบกยังคงใช้เฮลิคอปเตอร์แบบเบลล์ 212 ปฏิบัติภารกิจตามปกติ และไม่ได้มีคำสั่งระงับการใช้แต่อย่างใด

“ประวิตร” ยันเปลี่ยนเครื่องยนต์-อะไหล่ตามรอบ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เฮลิคอปเตอร์ลำที่ตกเป็นเครื่องเก่านั้น ยอมรับว่าเป็นเครื่องที่ใช้มานาน โดยขณะนี้มีประจำการกว่า 40 ลำ แต่มีการบำรุงรักษามาโดยตลอด และรับรองว่าเครื่องยนต์ไม่มีเก่า เพราะเปลี่ยนเครื่องยนต์ และอะไหล่ตามวงรอบ

เมื่อถามว่าปีงบประมาณหน้าจะเสนอซื้ออากาศยานเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้ามีงบประมาณก็ซื้อ โดยกองทัพได้วางแผนไว้แล้วว่าจะซื้อเครื่องขนาดไหนไว้ใช้งานในลักษณะต่างๆ เพราะศูนย์การบินทหารบกเป็นหน่วยงานใหญ่

“ประยุทธ์” ไม่อยากให้เกิด ดูแลครอบครัวเต็มที่

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ไม่อยากให้เกิดการสูญเสียลักษณะนี้อีก ประเด็นที่ว่าเป็นเครื่องเก่านั้น ทุกประเทศก็ใช้เครื่องรุ่นนี้อยู่ และใช้เครื่องบินที่เก่ากว่านี้อีก เป็นรุ่น HUS-1 ของกองทัพภาคที่ 1 อายุใช้งาน 30-40 ปีก็ยังบินอยู่ เพราะมีการซ่อมแซม เปลี่ยนเครื่องยนต์

“เหตุที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิด นักบินก็ไม่อยากให้เกิด ช่างเครื่องก็ตรวจเครื่องยนต์แล้ว แต่จะตรวจสอบอีกครั้งว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร สำหรับการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ใหม่ก็อยู่ในแผน แต่งบประมาณมีจำกัด เมื่อจะซื้อก็ไม่ได้งบฯ เมื่อไม่ได้งบฯ ก็ต้องใช้ของเก่าไปเรื่อยๆ อันดับแรกต้องซื้อในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 ก่อน เพราะขนาดเบลล์ 212 ดีกว่ายังตกเลย โอกาสตกมีได้ทั้งนั้น ส่วนการช่วยเหลือมีหลักการอยู่แล้ว ลูกกำลังศึกษาอยู่ก็จะดูแล ผมเสียใจนะ เพราะทั้ง 9 คนเป็นทรัพยากรที่มีค่าของกองทัพบก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับครอบครัวเขา ผมเสียใจจริงๆ”

เผย “ผู้กองปอ” นักบินเพิ่งแต่ง ภรรยาสุดเศร้า

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ร.อ.วรพงษ์ ช่างสลัก หรือผู้กองปอ นักบินเพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกับแฟนสาว เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งการจากไปของผู้กองปอในครั้งนี้ สร้างความเศร้าโศกให้แก่ญาติมิตร และแฟนสาวของ ร.อ.วรพงษ์ เป็นอย่างยิ่ง และวันนี้เฟซบุ๊กของ “Por Piracha” ของภรรยา ร.อ.วรพงษ์ ได้มีการโพสต์ภาพถ่ายก่อนแต่งงาน (pre-wedding) โดยตั้งชื่ออัลบั้มว่า “ชีวิต เลือดเนื้อ หัวใจ วิญญาณ ตลอดกาล” พร้อมกับแท็กไปยังเฟซบุ๊ก “Por Worapong” ของ ร.อ.วรพงษ์ เพื่อแสดงความไว้อาลัยด้วย ขณะที่เพื่อนๆ และญาติได้เข้ามาโพสต์ข้อความให้กำลังใจจำนวนมาก

แจง “อากาศปิด นรกเปิด“ คำพูด “พล.ท.ชีวัน”

จากกรณีที่มีการแชร์ข้อความบนเฟซบุ๊กของ จ.ส.อ.อนันต์ ชมเชียงคำ ว่า “ได้เวลา เย้ยฟ้า ท้าลมหนาว อีกแล้ว.....ฮ.เก่า นักบินใหม่....อากาศปิด ประตูนรกเปิด....”

ต่อมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Witchakron Yongsawad โพสต์ข้อความว่า “ความเป็นมาของคำพูด “อากาศปิด นรกเปิด” มาจาก พล.ท.ชีวัน โหละบุตร ตอนที่ท่านเป็น ผอ.กกบ.ทภ.3 และรองเสธ.ทภ.3 เวลาเดินทางโดย ฮ. เพื่อไปตรวจความต้องการด้านส่งกำลังบำรุง ท่านจะพูดคำนี้เพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจให้แก่ทุกคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยเสมอๆ ครับ

เป็นคำพูดแบบนักรบสมัยก่อน เมื่อเราทำความดีไยต้องกลัวกับนรก

ไม่ได้มีความหมายในแบบที่เขาเล่าว่า ซึ่งคนใน กกบ.ทภ.3 จะเข้าใจในความหมายของคำนี้ เพราะเป็นสิ่งเตือนใจให้แก่การปฏิบัติภารกิจ ในฐานะจุดสูงสุดของการส่งกำลังบำรุง ตามสายการบังคับบัญชาในระดับกองทัพภาค”

ส่วนผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Peeratchai Frem โพสต์ชี้แจงว่า “เห็นโพสต์กันเต็มเฟซ วิจารณ์ไปต่างๆนานา ผมขอพูด ดังนี้ 1.จ.อนันต์ ที่โพสต์ข้อความนี้ไม่ได้เป็นช่างเครื่อง หรือนักบินแต่อย่างใด เป็นผู้โดยสาร ไม่มีความรู้ด้านการบินแม้แต่นิดเดียว

2.ฮ.ลำนี้ ถ้าเทียบตามรุ่นที่ประจำการยังไม่ถือว่าเก่า มี 2 เครื่องยนต์ มีความเชื่อถือได้สูง ใช้เป็นฮ.หลักสำหรับภารกิจ vip ของกองทัพภาคที่ 3

3.สภาพอากาศในวันนั้นที่ ฮ.ยกตัวขึ้นจากค่ายขุนเจือง ก่อนประสบเหตุ ทัศนวิสัยปกติ ไม่ได้อากาศปิดแต่อย่างใด ถ้าอากาศปิด นักบินซึ่งเป็นผู้บังคับอากาศยานไม่นำอากาศยานขึ้นบินอยู่แล้ว คนที่เป็นนักบินทราบหลักความปลอดภัยข้อนี้ดี

4.นักบินที่ทำการบินไม่ใช่นักบินใหม่แต่อย่างใด พ.ท.มานิต ครูการบินชั้น 1 ของ bell-212 มีประสบการณ์สูงเป็นนักบินชั้นยอดอันดับต้นๆ ของหน่วยบิน ความคิดการตัดสินใจดีเยี่ยม มีประสบการณ์การบินมากกว่า 20 ปี ร.อ.วรพงษ์ มีความสามารถในการบินสูง ในภารกิจบินเข้าพื้นที่รับ-ส่งผู้บังคับบัญชา แทบจะไม่ใช้นักบินใหม่อยู่แล้ว ส่วนสาเหตุนั้นรอการสืบสวนต่อไป”
กำลังโหลดความคิดเห็น