กาญจนบุรี - น้องสาวเหยื่อฆาตกรโหดฆ่ายัดกระเป๋าแดงถ่วงแม่กลอง เข้าพบ พงส.สภ.ท่าม่วง พร้อมขอเอกสารรับศพที่สถาบันนิติเวชไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ชี้จำศพได้จากเขี้ยวฝังเพชร 2 ข้าง และเจาะสะดือ วอน ตร.เร่งจับกุมฆาตกรโหดให้ได้ ด้าน ผกก.เชื่อหากพบชายชาวต่างชาติตามภาพปรากฏ จะเป็นกุญแจดอกสำคัญสู่การจับกุมฆาตกร
ความคืบหน้ากรณีพบศพหญิงสาวนิรนามถูกฆ่ายัดกระเป๋าเดินทางแบบมีล้อเลื่อนยี่ห้อ POLOGY สีแดง กว้าง 50 เซนติเมตร ยาว 80 เซนติเมตร สูง 30 เซนติเมตร ลอยอยู่กลางแม่น้ำแม่กลอง พื้นที่ หมู่ 2 ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ภายในมีก้อนหินขนาดใหญ่ 2 ก้อน ถุงพลาสติกบรรจุก้อนหินที่ใช้สำหรับตกแต่งบ้าน จำนวน 1 ถุง กางเกงยีนส์ขาสั้นแบบวัยรุ่น 1 ตัว เสื้อสไตล์วัยรุ่นสีดำ 1 ตัว เสื้อชั้นในสีดำ 1 ตัว กางเกงในสีชมพู 1 ตัว ประเป๋าสตางค์เปล่า 1 ใบ รองเท้าส้นสูง 1 คู่ เจ้าหน้าได้เก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน ส่วนศพอยู่ในสภาพเปลือยมีบาดแผลบริเวณหน้าผากซ้ายยาวประมาณ 3 นิ้ว เจ้าหน้าที่ได้นำไปผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช เหตุเกิดวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (18 พ.ย.) น.ส.วิสาขา มะโนชาติ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 178 หมู่ 3 ต.ไพร อ.ขุนหาญ จ.ศรีษะเกษ น้องสาวของ น.ส.ลักษมี หรือปุ๊ก มะโนชาติ ผู้เสียชีวิต พร้อมด้วย นายเอก มณูชาติ อายุ 28 ปี สามี และนายสามารถ ติงสะ น้าชาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชูยศ ทองอยู่ ผกก.สภ.ท่าม่วง พ.ต.อ.พิพัฒน์ รุ่งสัมพันธ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เพื่อให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำเกี่ยวกับประวัติของพี่สาวเพิ่มเติม พร้อมรับเอกสารการเสียชีวิตของพี่สาวจากพนักงานสอบสวน เพื่อไปมอบให้แก่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ในการขอรับศพนำไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนา
พ.ต.อ.ชูยศ ทองอยู่ ผกก.สภ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า หลังจากที่คนงานกระชังปลาในพื้นที่หมู่ 2 ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี พบกระเป๋าเดินทางสีแดง ยี่ห้อ POROGY มีศพหญิงสาวนิรนามสภาพเปลือยอยู่ภายใน ขณะนั้นคาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะมีอายุประมาณ 25 ปี หลังจากที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวออกไป ก็มีผู้แจ้งเบาะแสเข้าจำนวนหนึ่ง และจากการติดตามเบาะแสตามที่ได้รับแจ้งก็พบว่า ทุกคนยังมีชีวิตอยู่ ภายหลังสถาบันนิติเวชได้พิสูจน์ลายนิ้วมือของศพออกมา จึงร่วมกับกรมการปกครอง รวมทั้งกองพิสูจน์หลักฐานส่วนกลาง กองพิสูจน์หลักฐานภาค 7 และกองพิสูจน์หลักฐานภาค 1 จึงทราบว่าผู้เสียชีวิตคือ น.ส.ลักษมี หรือปุ๊ก มะโนชาติ อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดศรีสะเกษ จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ช่วยออกติดตามหาบ้านญาติของหญิงสาวคนดังกล่าวอีกทางหนึ่ง
ระหว่างนั้น แม่และญาติของ น.ส.ลักษมี หรือปุ๊ก มะโนชาติ ได้โทรศัพท์แจ้งเข้ามายืนยันว่าสาวที่พบคือ น.ส.ลักษมี จริง โดยได้เดินทางมาให้ข้อมูลต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง เอาไว้ก่อนแล้ว จากนั้นทางญาติได้เดินทางไปดูศพที่สถาบันนิติเวช ก็ได้ยืนยันว่าเสื้อผ้าทั้งหมดเป็นของผู้ตาย รวมทั้งเขี้ยวฝังเพชรทั้งสองข้าง และสะดือที่เจาะ ก็ตรงกัน ก็ต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยกันนำเสนอข่าวจนทำให้ญาติของผู้ตายแจ้งเบาะแสเข้ามา
สำหรับแนวทางการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ขณะนี้ต้องยอมรับว่าการสอบสวนต้องเดินตามงานสืบสวน ฝ่ายสืบสวนจะต้องพยายามรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้เพื่อที่จะนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ ส่วนการสอบสวนเราก็ได้แต่สอบพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ หรืออยู่ในเหตุการณ์ ตามที่ฝ่ายสืบสวนเสนอสำนวนเข้ามาให้เราสอบสวน เวลานี้ฝ่ายสอบสวนได้สอบสวนตามหลักนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก
แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่เองก็ยังไม่ทราบว่าสถานที่ที่คนร้ายก่อเหตุนั้นอยู่ที่ใด คนร้ายอาจจะก่อเหตุทำให้ผู้ตายเสียชีวิตมาจากที่อื่น จากนั้นนำศพมาทิ้งในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีก็เป็นได้ ซึ่งจะทำให้ยากต่อการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี
ส่วนบุคคลที่เจ้าหน้าที่กำลังตามหาตัวตามภาพที่ปรากฏเป็นชายชาวต่างชาติ รูปร่างใหญ่ลักษณะศีรษะโล้น แต่เราไม่ได้หมายความว่า ชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวจะเป็นผู้ต้องหา เพราะเรายังไม่ทราบสาเหตุการตายที่แท้จริง เราเพียงเพื่อต้องการตัวชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวมาสอบปากคำหรือให้ฝ่ายสืบสวนไปตรวจสอบดู เชื่อว่าถ้าหากพบตัวชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนำไปสู่การพิสูจน์ทราบถึงสาเหตุการตาย และติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้
“และวันนี้ น้องสาวของผู้เสียชีวิต และญาติได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของผู้ตายเพิ่มเติม รวมทั้งขอหลักฐานต่างๆ นำไปรับศพที่สถาบันนิติเวช เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป”
ด้าน น.ส.วิสาขา มะโนชาติ เปิดเผยด้วยความเศร้าโศกว่า ครอบครัวทราบว่าพี่สาวเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา รู้จากพี่สาวอีกหนึ่งคนที่โทรศัพท์ไปบอก จากนั้นจึงเดินทางไปดูศพที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่จำได้แม่นยำคือ พี่สาวได้ทำเขี้ยวฝังเพชรทั้งสองข้าง แต่เพชรที่ฝังที่เขี้ยวได้หลุดออก รวมทั้งการเจาะสะดือด้วย และก่อนที่พี่สาวจะหายตัวไปได้พักอาศัยอยู่ที่เขตพระโขนง
ส่วนเรื่องส่วนตัวของพี่สาวตนไม่ค่อยทราบมากนัก เพราะพี่สาวไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครทราบ ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับพี่สาวเมื่อวันที่ 1 พ.ย. โดยพี่สาวบอกว่า วันที่ 12 พ.ย.จะโอนเงินไปให้แม่นำไปใช้หนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับ และหลายปีที่ผ่านมา พี่สาวเคยมีแฟนเป็นชาวต่างชาติแต่ได้เลิกกันไปนานแล้ว ส่วนชาวต่างชาติก็กลับไปอยู่ต่างประเทศนานแล้ว ซึ่งครอบครัวไม่ได้สงสัยว่าใครเป็นคนก่อเหตุ แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว การสูญเสียพี่สาวในครั้งนี้ทำให้ครอบครัวลำบากขึ้น เพราะพี่สาวถือว่าเป็นเสาวหลักของบ้าน ซึ่งศพจะนำไปทำพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดต่อไป