พิษณุโลก - กองทัพภาคที่ 3 สั่งงดบินเฮลิคอปเตอร์ 212 และฮิวอี้ชั่วคราวแล้ว หลังเกิดเหตุ ฮ.ตกเสียทหารกล้า 9 นาย พร้อมสืบหาข้อผิดพลาด ขณะที่ ผบ.ทบ.เป็นประธานพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ปูนบำเหน็จ 9 นายทหาร 25 เท่าของเงินเดือน พร้อมเลื่อน 7 ชั้นยศ เป็น “พลเอก” 3 นาย
วันนี้ (18 พ.ย.) พล.ต.ธนา จารุวัต เสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพภาคที่ 3 ตกที่ จ.พะเยา ทำให้มีนายทหารเสียชีวิต 9 นาย ทางกองทัพภาคที่ 3 ได้รับคำสั่งจาก ผบ.ทบ.ให้ดูแลเรื่องการเคลื่อนย้ายศพมาจาก จ.พะเยา มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดคูหาสวรรค์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. เป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และช่วงค่ำวันเดียวกันจะมีการสวดพระอภิธรรมศพนายทหารทั้ง 9 นาย จากนั้นครอบครัวผู้เสียชีวิตรายใดจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลตามภูมิลำเนาก็สามารถดำเนินการได้ โดยจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้
ด้านการช่วยเหลือครอบครัวของนายทหารทั้ง 9 นายเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ โดยทาง ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการให้เร่งดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยจะได้รับเงินบำเหน็จตกทอด และเงินทดแทน 25 เท่าของเงินเดือน เงินสินไหมทดแทนจากภัยสงคราม และเลื่อน 7 ชั้นยศสำหรับผู้เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่
โดย พล.ต.ทรงพล ทองจีน รองแม่ทัพภาคที่ 3 เลื่อนยศเป็น “พลเอก” พร้อมนายทหารฝ่ายเสนาธิการยศพันเอกอีก 2 นายก็ได้เลื่อนชั้นยศเป็นพลเอกเช่นกัน ส่วนทหารที่เหลือก็ได้รับเลื่อน 7 ชั้นยศตามระเบียบของราชการ
พล.ต.ธนากล่าวว่า สำหรับเฮลิคอปเตอร์ที่ตก เป็นแบบเบลล์ 212 ปกติจะมีอายุการใช้งานถึง 30 ปี ซึ่งเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ประจำการกองทัพภาคที่ 3 มีอายุการใช้งาน 20 ปี ยังเหลืออายุการใช้งานถึง 10 ปี และมีการตรวจสอบสภาพตามวงรอบของการซ่อมบำรุงอยู่ตลอดเวลา แต่หลังเกิดอุบัติเหตุ ศูนย์การบินทหารบกได้ลงพื้นที่ และมีคณะกรรมการนิรภัยการบิน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบสาเหตุ นำชิ้นส่วนไปวิเคราะห์ที่ จ.ลพบุรี พร้อมสอบพยานที่เห็นเครื่องตก มาวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
กรณีกระแสข่าวว่าเครื่องขัดข้องนั้นยังไม่สามารถตอบได้ บอกได้เพียงว่าศพทั้งหมดอยู่ในเครื่องก่อนเกิดเพลิงไหม้ ยืนยันเครื่องยนต์ไม่ได้ไหม้กลางอากาศที่ระยะความสูงประมาณ 300 เมตร หรือ 1,000 ฟุตจากระดับพื้นที่ดิน ถือว่าไม่ได้สูงมาก เพราะกำลังไต่ระดับ
พล.ต.ธนาย้ำอีกว่า ปกติแม่ทัพภาคที่ 3 ก็ใช้เครื่องเบลล์ 212 ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 มีรุ่นเบลล์ 3 ลำ ส่วนฮิวอี้มี 5 ลำ ส่วนใหญ่ประจำการอยู่ชายแดน เครื่องฮิวอี้บางลำมีอายุการใช้งานมากกว่าเครื่องเบล 212 หากหมดอายุศูนย์การทหารบกลพบุรีก็เตรียมปลดระวางตามระเบียบอยู่แล้ว
ด้าน พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4 เปิดเผยว่า ล่าสุดกองทัพภาคที่ 3 ได้สั่งงดฮ.เบลล์ 212 บินชั่วคราว เพื่อตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของเครื่อง ทั้งนี้ยืนยันว่าเครื่องลำที่เกิดเหตุได้ใช้งานมาตลอด และเปลี่ยนอะไหล่ตามวงรอบ แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นจำเป็นต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไรทั้งที่ตรวจเปลี่ยนชิ้นส่วนตามวงรอบ
และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานศูนย์นิรภัยการบิน จำเป็นต้องสั่งงดการบินชั่วคราวของ ฮ.ประจำกองทัพภาคที่ 3 ทั้งหมด แต่ไม่ใช่เพราะทหารขลาด ไม่กล้าใช้ หรือนั่งเครื่องบินแทน แต่ต้องหาสาเหตุเบื้องต้นให้เป็นไปตามหลักสากล
