พิจิตร - พ่อเมืองพิจิตรสั่งตั้งกรรมการลุยสอบเงินวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน หลังเจ้าคณะใหญ่หนเหนือมีบัญชาปลดเจ้าอาวาสพ้น 4 ตำแหน่งรวด พร้อมให้แจงทรัพย์สินวัดภายใน 7 วัน แต่ยังเงียบ เผย “พระครูวิสิฐสีลาภรณ์” เคยถูกเรียกสอบเรื่องเงินมาแล้ว ยังแจกแจงไม่ได้
วันนี้ (13 พ.ย.) นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยหลังร่วมประชุมกับพระทีฆทัสสีมุนีวงศ์ เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และคณะกรรมการอีกหลายฝ่าย ที่วัดท่าหลวงพระอารามหลวง กรณีการสั่งปลดพระครูวิสิฐสีลาภรณ์ ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน อ.โพทะเล และถอดยด ถอดตำแหน่งที่เกี่ยวข้องอีก 3 ตำแหน่ง และให้ส่งมอบเอกสาร และทรัพย์สินให้แก่ผู้ที่จะมารักษาการเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลานรูปต่อไปภายใน 7 วัน ซึ่งขณะนี้ผ่านไป 4 วันแล้วก็ยังไม่มีการชี้แจงใดๆ ว่าได้รับคำร้องขอจากเจ้าคณะจังหวัดฯ แล้ว ซึ่งจะได้สั่งการให้ฝ่ายบ้านเมืองเข้าไปช่วยตรวจสอบ
ในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.) จะทำหนังสือสั่งการให้นายมงคล สุกใส ปลัดจังหวัดพิจิตร หรือนายนพรัตน์ ตั้งกิตติถาวร รองผู้ว่าฯ พิจิตร ตั้งทีมขึ้น ซึ่งจะประกอบด้วยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตร รวมถึงฝ่ายปกครอง และผู้นำท้องถิ่น ให้ไปร่วมกันตรวจสอบบัญชี และทรัพย์สินของวัดว่ามีมากน้อยเพียงใดและมีส่วนใดยังอยู่หรือสูญหายไปบ้าง เพื่อจะนำมาตอบให้สังคมได้รับรู้รับทราบ
ทั้งนี้ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ภายในวัดล้วนมาจากแรงศรัทธาของประชาชนที่มีต่อองค์หลวงพ่อเงิน ดังนั้นสิ่งของทุกสิ่งทุกอย่างต้องอยู่ครบ และตรวจสอบได้
นายสุรชัยกล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวปลุกม็อบชาวบ้าน โดยอ้างว่าขอความเป็นธรรมให้พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ โดยมีผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นคนของฝ่ายปกครองร่วมด้วยนั้น กำลังให้หาข้อมูลและจะได้เรียกมาห้ามปราม เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องของพระสงฆ์ พวกเราเป็นฆราวาสไม่ควรมาก้าวก่ายกิจของสงฆ์
โดยเฉพาะเรื่องนี้มีพระบัญชามาจากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งถือเป็นประมุขของฝ่ายสงฆ์ คำตัดสินที่มีออกมาก็น่าจะเป็นคำตัดสินจากพระผู้ใหญ่ที่มีอำนาจสูงสุด ถ้าเปรียบเทียบกับกฎหมายบ้านเมือง ก็เหมือนกับคำพิพากษาของศาลฎีกาสูงสุดแล้ว
ขณะที่พระทีฆทัสสีมุนีวงศ์ เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ได้ตอบคำถามของสื่อมวลชน และส่วนราชการที่ร่วมประชุมว่า เรื่องการปลดเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลานนั้น เนื่องจากมีข้อร้องเรียนมากมาย นับจากวันที่มาดำรงตำแหน่งปีแรกก็มีเรื่องเลย จากนั้นก็ยาวมาตลอด รวมแล้วมีเรื่องขึ้นศาลถึง 28 คดี และเคยถูกคำพิพากษาให้จำคุก 6 เดือน แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี
โดยกฎระเบียบของมหาเถรสมาคมถ้ามีความผิดในชั้นศาลแบบนี้ก็ถือว่าผิดแล้วต้องถูกลงโทษให้ออก, ปลดออก, ไล่ออก แต่การตัดสินในคราวนี้เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ มีเมตตาจึงลงโทษแค่ให้ออกจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่งถ้าในวันข้างหน้าประพฤติตนดีก็อาจได้รับตำแหน่งตามความเหมาะสมอีกต่อไป
สำหรับกรณีทรัพย์สินของวัดนั้น เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2557 คณะกรรมการสงฆ์ได้เรียกพระครูวิสิฐสีลาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน มาสอบถามว่าบัญชีเงินวัดมีกี่เล่ม เอาเงินไปเล่นหุ้นอะไรบ้าง เป็นเงินเท่าไหร่ ตู้รับบริจาคเงินของวัดมีกี่ตู้ มีรายได้อย่างไร และอื่นๆ อีกหลายคำถาม ก็ไม่ได้รับความกระจ่าง
คณะกรรมการสงฆ์ก็ให้กลับไปรวบรวมเอกสารมาส่งที่เจ้าคณะจังหวัดภายในวันที่ 26 ต.ค. 2557 แต่เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลานกลับทำหนังสือมาขอขยายเวลาอีก 15 วัน
อย่างไรก็ตาม มาถึงขณะนี้มันเกินอำนาจของเจ้าคณะจังหวัดไปแล้ว เพราะเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการ เปรียบเหมือนระดับชั้นฎีกา คือเป็นการสอบสวนโดยเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช จึงทำให้มีคำตัดสินที่เปรียบเสมือนคำพิพากษาศาลฎีกาออกมาดังกล่าว ซึ่งถือเป็นคำตัดสินที่สูงสุดแล้ว ทุกฝ่ายก็น่าจะต้องเคารพและยอมรับ