ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตำรวจทางหลวงขอนแก่นตั้ง 4 ข้อหาหนักโชเฟอร์รถทัวร์จอมตบ หลังมีคนโพสต์คลิปขึ้นยูทิวบ์เหตุการณ์ขณะคนขับรถทัวร์ซิ่งปาดหน้าฟอร์จูนเนอร์บนถนนมิตรภาพรอยต่อช่วงขอนแก่น-โคราช เตรียมประสานบริษัททัวร์เอาผิดถึงที่สุด
วันนี้ (11 พ.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า (ศปก.) สทล.2 กก.4 บก.ทล. (ตำรวจทางหลวงขอนแก่น) พ.ต.ท.อานันท์ วิชเศรษฐสมิตร สว.สทล.2 กก.4 บก.ทล. พร้อมด้วย ร.ต.อ.พรชัย แสงศิลา รอง สว.ตำรวจทางหลวงขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมความเร็ว ได้ตรวจสอบคลิปรถทัวร์โดยสารปรับอากาศของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น หลังมีผู้แพร่ภาพคลิปในยูทิวบ์ชื่อ รถทัวร์จอมตบ “ชาญทัวร์” 22-7 ปาดหน้ารถยนต์ฟอร์จูนเนอร์บนถนนมิตรภาพ ความยาวคลิป 2.42 นาที จนเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ เนื่องจากรถทัวร์มีผู้โดยสารจำนวนมาก เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมาก สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
พ.ต.ท.อานันท์ วิชเศรษฐสมิตร สว.สทล.2 กก.4 บก.ทล. กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า รถทัวร์โดยสารคันดังกล่าววิ่งรับส่งผู้โดยสารจากกรุงเทพฯ มาขอนแก่น โดยจุดที่เกิดเหตุเป็นจุดรอยต่อระหว่าง อ.สีดา จ.นครราชสีมา กับ อ.พล จ.ขอนแก่น ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงประจำหน่วยบริการสีดาได้รับแจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวจริงเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมาจากคนขับรถฟอร์จูนเนอร์
และได้วิทยุประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง อ.พล และชุดเฉพาะกิจตำรวจทางหลวงขอนแก่น หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้พยายามสกัดจับกุม แต่เมื่อเรียกตรวจพบว่าเป็นคนละคันกับภาพที่ปรากฏ เนื่องจากอาจคลาดเคลื่อนเลขทะเบียนรถและหมายเลขข้างรถ ทำให้รถทัวร์คันดังกล่าวผ่านจุดสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปได้ จากการตรวจสอบคลิปดังกล่าวแล้วได้ประสานงานไปยังตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ซึ่งเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อเอาผิดกับคนขับรถทัวร์รายนี้
“ตำรวจทางหลวงขอนแก่นจะได้ประสานไปยัง บริษัท ชาญทัวร์ เพื่อนำตัวคนขับมารับทราบข้อกล่าวหาจากตำรวจทางหลวง ขณะนี้ได้ตั้ง 4 ข้อหาหนัก ประกอบด้วย ขับรถโดยประมาทหวาดเสียวอันอาจจะเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน ม.43(4) ซึ่งมีโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท ข้อหาขับรถโดยประมาทโดยไม่คำนึงความปลอดภัย ม.43 (8) โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อหารถบรรทุกคนโดยสารไม่ขับรถในช่องทางเดินรถด้านซ้าย ม.35 ปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท และขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งรถโดยสารควรใช้ความเร็วในเขตเทศบาลไม่เกิน 60 กม./ชม. และนอกเขตเทศบาลไม่เกิน 80 กม./ชม.”
พ.ต.ท.อานันท์กล่าวต่อว่า คนขับรถโดยสารต้องมีความรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้โดยสาร ซึ่งเหตุการณ์ขณะนั้นมีผู้โดยสารอยู่เต็มคันรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนจับกุมคนขับมาดำเนินคดีและกำชับการให้บริการของบริษัท ขณะเดียวกันจะเพิ่มการกวดขันจับกุมรถบรรทุก รถโดยสาร ที่ไม่วิ่งชิดขอบทางด้านซ้าย และขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดอย่างเต็มที่ ไม่มีละเว้น
ต้องขอบคุณประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนนช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่การถ่ายภาพในลักษณะดังกล่าวขอให้ใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากมีผู้พบเห็นการกระทำผิดบนถนนหลวงในลักษณะดังกล่าวสามารถแจ้งมาที่สายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชม.
