กาฬสินธุ์ - ส.ป.ก.กาฬสินธุ์ ร่วมเปิดปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่จากนายทุนใหญ่ 846 ไร่ หลังกว้านซื้อจากชาวบ้านปลูกต้นยูคาลิปตัสส่งขายโรงงาน ด้านรองเลขาฯ ส.ป.ก.เดินหน้าเอกซเรย์พื้นที่ถูกนายทุนจับจองทั่วประเทศกว่า 3.6 ล้านไร่ ลั่นหากพบซื้อขายเปลี่ยนมือยึดคืนทันที
วันนี้ (5 พ.ย.) นายสุรพจน์ รัชชุศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายธนู มีแสงเงิน รองเลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) พ.อ.ผดุงเกียรติ โปร่งจิตต์ พ.อ.จุมพล จุมพลภักดี ในฐานะรองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ พ.อ.จิรันตน์กฤษณ์ เหลืองจินดา เสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยกำลังทหาร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ผู้นำชุมชน และชาวบ้านกว่า 500 คน ร่วมเปิดปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่ ส.ป.ก.จากนายทุนใหญ่ ต.นาจำปา อ.ดอนจาน
หลังนายทุนกว้านซื้อที่จากชาวบ้านปลูกต้นยูคาลิปตัส 58 แปลง 846 ไร่ พร้อมเข้าตัดทำลายต้นยูคาลิปตัส เพื่อให้พื้นที่ดินกลับคืนสู่สภาพปกติ และมอบป้ายประชาสัมพันธ์ห้ามซื้อขายที่ดินให้แก่นายอำเภอทั้ง 15 แห่ง ที่มีพื้นที่ ส.ป.ก.เพื่อนำไปติดประชาสัมพันธ์ในพื้นที่
นายธนู มีแสงเงิน รองเลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า ปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่จากนายทุนใหญ่ใน ต.นาจำปา อ.ดอนจาน เป็นการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างจังหวัด ส.ป.ก. กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอดอนจาน ฝ่ายปกครอง ป่าไม้ และตำรวจ ที่ผ่านมา ส.ป.ก.ได้จัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชนใน ต.นาจำปา อ.ดอนจาน 49 ราย 58 แปลง 846 ไร่
แต่ปัจจุบันปรากฏว่ามีนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่ดิน ส.ป.ก.จากชาวบ้านไปเพื่อปลูกต้นยูคาลิปตัสส่งขายให้โรงงาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบการเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. ดังนั้นจึงต้องยึดคืนพื้นที่ตามนโยบายของรัฐบาล และตัดทำลายต้นยูคาลิปตัสทิ้งทั้งหมดเพื่อให้ดินกลับคืนสู่สภาพเดิม พร้อมดำเนินการตามกฎหมายต่อกลุ่มนายทุนทั้งทางอาญา และทางแพ่ง
ส่วนเกษตรกรที่นำที่ดิน ส.ป.ก.มาขายให้นายทุนจะถูกส่งชื่อเข้าคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดเพื่อพิจารณาเพิกถอนสิทธิในที่ดินที่เคยครอบครอง จากนั้นจะพิจารณาให้แก่เกษตรกรที่ยื่นเรื่องขอที่ดินรายใหม่เข้ามาทำกินแทน โดยจะคำนึงถึงความยากจนและคนในพื้นที่เป็นหลัก
นายธนูกล่าวว่า ปัจจุบันการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดิน ส.ป.ก.ในหลายพื้นที่นั้นยอมรับว่ามีอยู่จริง ส.ป.ก.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกจังหวัดเร่งตรวจสอบสิทธิการเข้าทำประโยชน์ทั่วประเทศ 36 ล้านไร่ มีประชาชนครอบครอง 2.6 ล้านครัวเรือน หากพบว่าพื้นที่ใดมีการซื้อขายเปลี่ยนมือไปเป็นของนายทุน เท่ากับเป็นการนำที่ดินรัฐไปขาย จะต้องถูกดำเนินคดี ถูกเพิกถอนสิทธิ และยึดคืนทันที