รมว.คลังนำจ่ายเงินช่วยชาวนาเชียงใหม่ มั่นใจข้าวจ่อราคาดีดันไทยกลับขึ้นเบอร์หนึ่ง (ชมคลิป)

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำคณะมอบเงินมาตรการเพิ่มรายได้ให้ชาวนาเชียงใหม่ ที่ล่าสุดรับมอบเงินไปแล้วกว่า 400 ราย ยอดเงินรวมกว่า 4 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี วงเงิน 3.4 หมื่นล้านบาท ช่วยชาวนาเก็บข้าวไว้ขายช่วงราคาดี มั่นใจผลผลิตข้าวปีการผลิตใหม่ราคาพุ่ง ไทยจ่อกลับขึ้นแท่นเบอร์ 1 ค้าข้าว


วันนี้ (1 พ.ย.) ที่วัดสันต้นดู่ ตำบลสันปูเลย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมแนะนำโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2557/2558 พร้อมทั้งมอบเงินตามมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล ด้วยการมอบเงินช่วยเหลือปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่ ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอำเภอดอยสะเก็ด เข้าร่วมกิจกรรมและรับมอบเงินตามมาตรการดังกล่าวประมาณ 300 ราย

โดยการดำเนินการตามมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่นั้น ได้มีการดำเนินการจ่ายให้แก่ชาวนาในพื้นที่ไปแล้ว จำนวน 425 ราย พื้นที่ปลูก 4,259.25 ไร่ วงเงินทั้งสิ้น 4,259,250 บาท ขณะที่ล่าสุด มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนแล้ว จำนวน 43,177 ราย พื้นที่ปลูกข้าว 348,591 ไร่ ผ่านการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียนแล้ว จำนวน 33,236 ราย พื้นที่ปลูก 229,682.75 ไร่

ทั้งนี้ นายสมหมาย กล่าวว่า รัฐบาลเห็นความสำคัญของชาวนาเป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากการมอบเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้แก่ชาวนาแล้ว เวลานี้ยังมีโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี วงเงิน 34,788 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือในช่วงที่มีผลผลิตออกมาก และราคาตกต่ำ เพื่อให้ชาวนามีทางเลือกในการชะลอการขาย โดยที่ไม่ต้องกังวลต่อปัญหาค่าใช้จ่าย และภาระหนี้สิ้น ด้วยการนำผลผลิตคือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ และข้าวเปลือกเหนียวมาขอกู้ต่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในอัตราร้อยละ 90 ของราคาตลาด วงเงินไม่เกินรายละ 300,000 บาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย

ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส.ยังมีโครงการสินเชื่อเพื่อการสร้างหรือปรับปรุงยุ้งฉาง และลานตากข้าวด้วย เนื่องจากที่ผ่านมา เกษตรกรมักจะต้องขายข้าวเปลือกทันทีหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อนำเงินไปชำระค่าใช้จ่ายในการผลิต และค่าใช้จ่ายในครัวเรือน แต่เนื่องจากผลผลิตออกพร้อมกันเป็นจำนวนมากจึงทำให้ผลผลิตตกต่ำ จึงมีการออกสินเชื่อนี้เพื่อให้เกษตรกรสามารถก่อสร้าง ปรับปรุงยุ้งฉาง และลานตากข้าวเปลือก สำหรับเก็บ และปรับปรุงผลผลิตไว้แล้วค่อยนำออกขายเมื่อมีราคาดี ซึ่งสินเชื่อนี้มีวงเงินทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า จากการคาดการณ์เชื่อว่าผลผลิตข้าวในปีการผลิต 2557/2558 น่าจะมีแนวโน้มราคาที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เนื่องจากมีข้อมูลที่ได้รับจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับทางกลุ่มผู้ค้าข้าว ซึ่งพบว่ามีความต้องการที่จะรับซื้อข้าวในปีการผลิตใหม่นี้เป็นอย่างมาก

รวมทั้งมีข้อมูลจากสถาบันการเงินด้วยว่า มีความเคลื่อนไหวยื่นขอสินเชื่อเพื่อนำไปเตรียมใช้รับซื้อข้าวเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ มั่นใจว่าสต๊อกข้าวที่มีอยู่เดิมจะไม่เป็นตัวฉุดหากมีการบริหารจัดการที่ดี และประเทศไทยน่ากลับไปเป็นผู้ผลิต และส่งออกข้าวอันดับ 1 ได้ในไม่ช้านี้