อบต.แจ้งจับพระ เอารถไถปรับที่สาธารณะพิพาท เจ้าคณะจังหวัดจี้ให้ออก พร้อมจับสึกเมื่อต้องคดี

อุบลราชธานี - นายก อบต.นำตำรวจจับรถไถดินรุกที่ดินสาธารณะ หลังสำนักสงฆ์มัชฌิมาเวฬุวนาราม อ.วารินชำราบ ซึ่งถูกชาวบ้านเดินขบวนขับไล่ ละเมิดข้อตกลงไม่ให้ก่อสร้างต่อเติมระหว่างดำเนินคดี ด้านประธานสงฆ์อ้างตั้งสำนักถูกต้อง ไม่ยอมออก เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุตระบุ มีคำสั่งยกเลิกรับรองสำนักสงฆ์ พร้อมสั่งให้ออกจากที่สาธารณะ ยุติความขัดแย้งระหว่างวัดกับชุมชนแล้ว

จากกรณีชาวบ้านกลาง หมู่ 8 ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี หลายร้อยคนประท้วงขับไล่พระพรรณรมณ จิตฺตสวโร อายุ 31 ปี ประธานสงฆ์สำนักสงฆ์มัชฌิมาเวฬุวนาราม พร้อมพระลูกวัดรวม 8 รูป โดยให้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกจากป่าช้าสาธารณะของหมู่บ้าน หลังเข้ามายึดครองเมื่อ 2 ปีก่อน

ต่อมานายอำเภอเข้าไกล่เกลี่ยไม่เป็นผลสำเร็จ จึงให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ได้รับความเสียหายแจ้งความดำเนินคดีต่อพระพรรณรมณ ข้อหาบุกรุกยึดครองแผ้วถางที่ดินสาธารณะ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

วันนี้ (30 ต.ค.) นายธนวัฒน์ ไพศาลเจริญโชติ นายก อบต.โนนผึ้ง เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.วารินชำราบ ให้จับกุมรถไถ 1 คัน ที่เข้ามาปรับหน้าดินบริเวณที่ป่าช้าสาธารณะซึ่งมีข้อพิพาทกันอยู่ โดยมีนายเฉลิมชัย โทรสา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151 หมู่ที่ 7 ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ เป็นเจ้าของรถ

จากการสอบถามนายเฉลิมชัยอ้างว่า ได้รับการร้องขอจากทางสำนักสงฆ์ ให้นำรถมาปรับหน้าดินทำเป็นลานจอดรถรอบสำนักสงฆ์ เพื่อรับคณะที่จะมาทอดกฐินต้นเดือนพฤศจิกายน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ยึดรถไถและเชิญตัวนายเฉลิมชัยไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ หลังจากนั้นได้ปล่อยตัวนายเฉลิมชัยไป เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดเข้าตรวจสอบรังวัดแนวเขตเป็นการปรับผืนดินรุกล้ำเข้าไปพื้นที่สาธารณะหรือไม่ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดีนายเฉลิมชัยและพวกในชั้นศาล

ด้านนายธนวัฒน์กล่าวว่า ที่ดินป่าช้าสาธารณะบ้านกลางอยู่ระหว่างการพิพาทของวัดกับชุมชน ซึ่งมีการเจรจาไกล่เกลี่ยขอร้องให้พระออกจากพื้นที่หลังพ้นเทศกาลออกพรรษา แต่พระไม่ยอมโดยอ้างว่าได้ยื่นขอจัดตั้งสำนักสงฆ์แล้ว ทำให้นายวิรุจ วิชัยบุญ นายอำเภอวารินชำราบ มอบอำนาจให้ตนเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพระพรรณรมณกับพระลูกวัด ฐานบุกรุกแผ้วถางที่ดินสาธารณประโยชน์ของรัฐกว่า 36 ไร่ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา

และเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นายวิรุจ นายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เรียกวัดและชุมชนมาทำความตกลงกันอีกครั้ง ปรากฏยังยืนกรานขอให้ใช้สิทธิทางศาล ไม่ยอมออกจากที่ดินแปลงดังกล่าว จึงมีข้อตกลงระหว่างรอการดำเนินคดีจะต้องไม่มีการแผ้วถางป่าหรือสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติม และทางชุมชนก็จะไม่มาขับไล่ หรือพยายามเข้ามารื้อทำลายกุฏิ เพื่อรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน แต่ปรากฏในวันนี้ได้นำรถไถมาปรับหน้าดินอีก จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมดังกล่าว

ด้านพระพรรณรมณ จิตฺตสวโร อายุ 31 ปี ประธานสงฆ์สำนักสงฆ์มัชฌิมาเวฬุวนาราม กล่าวว่า ตนเข้ามาอยู่ในสำนักสงฆ์อย่างถูกต้อง แต่ที่ถูกขับไล่เพราะชาวบ้านได้รับคำยุแยงจากนักการเมือง และยืนยันว่าได้มีหนังสือขอตั้งเป็นสำนักสงฆ์ไปยังคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2554 และคณะสงฆ์ได้มีหนังสือรับรองเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 จึงไม่ยอมออกจากพื้นที่ดังกล่าวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

ขณะเดียวกัน พระราชธรรมโกศล เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุต กล่าวว่า ปัจจุบันมีหนังสือลงวันที่ 10 กันยายน 2557 สั่งยกเลิกหนังสือรับรองการตั้งสำนักสงฆ์มัชฌิมาเวฬุวนาราม และให้พระพรรณรมณ จิตฺตสวโร พร้อมกับพระลูกวัด ย้ายออกจากสถานที่ดังกล่าวแล้ว เพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างสำนักสงฆ์กับชุมชน โดยการออกหนังสือรับรองให้ตั้งสำนักสงฆ์ได้ในครั้งแรก เนื่องจากไม่ทราบว่ามีความขัดแย้งระหว่างวัดกับชุมชน แต่ต่อมานายอำเภอวารินชำราบมีหนังสือแจ้งให้ทราบถึงความขัดแย้ง และการเข้ายึดครองที่ดินสาธารณะ ซึ่งอำเภออยู่ระหว่างการผลักดันให้ออกจากที่ดิน จึงมีหนังสือถอนการรับรองดังกล่าว

สำหรับการดำเนินคดีต่อพระพรรณรมณ จิตฺตสวโร ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนการสึกนั้นต้องดูขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ เมื่อคดีเข้าข่ายต้องถูกสึก ฝ่ายสงฆ์ก็จะเข้าไปดำเนินการทันที