อุบลราชธานี - ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างชาวบ้านกลาง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ กับสำนักสงฆ์มัชฌิมาเวฬุวนาราม ที่เข้ายึดครองป่าช้าสาธารณะ เนื้อที่กว่า 35 ไร่ จนชาวบ้านเข้าเก็บของป่าและไหว้ศพบรรพบุรุษไม่ได้ สุดท้ายอำเภอให้ อบต.เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพระที่ไม่ยอมออกจากพื้นที่
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ชาวบ้านกลาง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รวมตัวขับไล่พระพรรณรมณ จิตฺตสวโร อายุ 31 ปี ประธานสงฆ์สำนักสงฆ์มัชฌิมาเวฬุวนาราม และพระลูกวัด 8 รูป ที่เข้ามาบุกรุกยึดครองป่าช้าสาธารณะของหมู่บ้าน และสร้างสิ่งปลูกสร้าง จนชาวบ้านไม่สามารถเข้าไปเก็บหาของป่า รวมทั้งกราบไหว้ศพบรรพบุรุษที่ฝังไว้ได้
ล่าสุด วันนี้ (23 ต.ค.) นายวิรุจ วิชัยบุญ นายอำเภอวารินชำราบ ร.ต.อาทิตย์ แก้วดี ผู้แทนมณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี นายธนวัฒน์ ไพศาลเจริญโชติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นายสมชาย ประถาวร กำนันตำบลโนนผึ้ง และชาวบ้านชุมชนบ้านกลางกว่า 100 คน เข้าเจรจาหาข้อยุติกรณีพระพรรณรมณ ซึ่งยังไม่ยอมออกจากพื้นที่ ทั้งที่มีข้อตกลงจะยินยอมออกแต่โดยดีไม่เกินวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา จนชาวบ้านต้องรวมตัวประท้วงขับไล่เมื่อสัปดาห์ก่อน
การพูดคุยหารือ 3 ฝ่าย คือ ตัวแทนทางราชการ ตัวแทนชาวบ้าน และพระนานร่วม 2 ชั่วโมง พระพรรณรมณยืนกรานไม่ยอมออกจากพื้นที่ เพราะได้ยื่นเรื่องขอตั้งสำนักงานสงฆ์ไปยังเจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุตแล้ว หากต้องการให้ออกจากป่าสาธารณะ ให้ใช้สิทธิฟ้องร้อง
นายมงคล อุทัยกรณ์ ตัวแทนฝ่ายชาวบ้านระบุว่า ขณะนี้ชาวบ้านรวมตัวกันทำหนังสือคัดค้านการตั้งสำนักสงฆ์ไปที่เจ้าคณะจังหวัดแล้ว และไม่ยอมให้พระพรรณรมณกับพระลูกวัดอยู่ในพื้นที่ต่อไป เพราะหลังมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สภาพป่าสาธารณะเริ่มเสื่อมโทรม ชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยชน์เก็บเห็ด หน่อไม้ ไข่มดแดง ผลไม้ป่าไม่ได้ รวมทั้งไม่สามารถเข้าไปกราบไหว้ศพบรรพบุรุษที่ฝังไว้ในป่าช้าได้
ทำให้นายวิรุจ นายอำเภอวารินชำราบตัดสินใจให้นายธนวัฒน์ ในฐานะเจ้าหน้าที่ปกครองท้องที่เป็นผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.วารินชำราบ ให้ดำเนินคดีต่อพระพรรณรมณ พร้อมบริวาร ข้อหาบุกรุกยึดครองที่ป่าสาธารณะของรัฐ พร้อมเจรจาห้ามปรามชาวบ้านไม่ให้ชุมนุมขับไล่ หรือทำลายทรัพย์สินของสำนักสงฆ์ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินคดี และให้ศาลสั่งให้พระพรรณรมณและพระลูกวัดออกจากพื้นที่ต่อไป