xs
xsm
sm
md
lg

“คนลำพูน” เมินคำเตือน แห่ตั้งบริษัท-ห้างหุ้นส่วนนับร้อย อ้างรอรับงานเออีซี บอกจบ ป.4 ขอรวยบ้างผิดหรือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลำพูน - ชาวบ้าน อ.ลี้ไม่สนคำเตือนกรมพัฒนาธุรกิจ แห่จดทะเบียนก่อตั้งนิติบุคคลกว่า 100 รายตามคำชวนของเพื่อนบ้าน-หัวหน้าสาย พบเปิดอบรมใหญ่แล้วหลายรอบ อ้างรอรับเหมาหลังเปิดเออีซี พบแม่เลี้ยงใหญ่เปิดเอง 3 บริษัท บอก “จบ ป.4 แต่คิดได้ อย่าดูถูกกัน จะรวยบ้างผิดหรือ”

วันนี้ (23 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกรมพัฒนาธุรกิจการค้าออกประกาศเตือนประชาชนใน จ.ลำพูน และอีกหลายจังหวัด ให้ระมัดระวังกรณีกลุ่มบุคคลชักชวนให้จดทะเบียนนิติบุคคล เข้าร่วมประกอบธุรกิจ ประเภทห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนและบริษัทจำกัด ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง เพื่อเข้าร่วมเป็นคู่สัญญาในโครงการขนาดใหญ่ และจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินจำนวนมาก

ล่าสุดจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าขณะนี้มีประชาชนเขต อ.ลี้ และ อ.บ้านโฮ่ง รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงพากันยื่นขอจดทะเบียนรวม 118 ราย เฉพาะ อ.ลี้ยื่นแล้ว 91 ราย ได้รับอนุญาตจัดห้างหุ้นส่วนไปแล้วกว่า 20 บริษัท และยังคงทยอยยื่นขออย่างต่อเนื่อง โดยไม่สนคำประกาศเตือนดังกล่าว เพราะหวังว่าจะได้เงินจำนวนมากตามที่กลุ่มบุคคลชักนำกล่าวอ้างไว้

ขณะเดียวกันก็มีหลายคนได้นำเงินสดไปร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนแล้วหลายราย ยอดเงินตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท ส่วนหัวหน้าสายบางคนลงทุนเอารถเข้าไฟแนนซ์เพื่อนำเงินมาเป็นค่าจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนให้ลูกทีม โดยที่ลูกทีมไม่ต้องจ่ายเงินแต่อย่างใด หวังว่าจะได้ผลตอบแทนเป็นเงินมหาศาลตามมา และบางรายมีชื่อถือหุ้นอยู่หลายบริษัท บางรายบ้านหลังเดียวจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนถึง 3 บริษัท โดยมีลูกหลานญาติพี่น้องเปลี่ยนกันถือหุ้น

จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 2557 โดยมีกลุ่มบุคคลเข้ามาชักชวนชาวบ้านเข้าร่วมงาน และจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน โดยมีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก และรายแรกในเขต อ.ลี้ ได้ยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2557 จากนั้นก็เริ่มทยอยกันยื่นเรื่องเรื่อยๆ และเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีการชักชวนกันไปรวมตัวเพื่อฟังแนวนโยบายของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ที่เมืองทองธานี จ.นนทบุรี

ต่อมาวันที่ 3 กันยายน 2557 ได้มีการชักชวนชาวบ้านหลายร้อยคนเข้าร่วมรับฟังกลุ่มบุคคลที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ที่วัดพระธาตุผาหนาม ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ โดยอ้างตัวว่าเป็นตัวแทนของผู้รับเหมารายใหญ่ และอ้างชื่อ “ชัย ราชกุล” ซึ่งไม่ทราบว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ เพราะไม่มีใครรู้จัก

โดยในวันดังกล่าวมีการอ้างว่าบริษัทใหญ่ได้รับงานรับเหมาขุดและขนทรายเป็นเงิน 2,550 ล้านบาท และจะมีเงินเหลือเป็นกำไรจากงานครั้งนี้ 1,200 ล้านบาท จะแบ่งให้กับห้างหุ้นส่วนที่ร่วมโครงการคนละนับล้านบาท ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อ พากันไปยื่นจดทะเบียนก่อตั้งห้างหุ้นส่วนจำนวนมาก จนเป็นที่ผิดสังเกต รวมแล้ว 118 ราย และยังคงมายื่นกันอย่างต่อเนื่อง คาดว่าตัวเลขอาจจะสูงถึง 200 ราย ทำให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต้องชะลอคำขอยื่นเรื่องดังกล่าวเพื่อตรวจสอบข้อมูล ขณะที่ชาวบ้านอ้างสิทธิ์สามารถทำได้ เพราะทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ขณะที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดลำพูน ร่วมกับอำเภอลี้ สรรพากรอำเภอลี้ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เชิญผู้ที่ยื่นเรื่องขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนกว่า 100 ราย เข้าร่วมรับฟังการประชุมชี้แจงถึงกฎหมายว่าด้วยหุ้นส่วนและบริษัท กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบัญชี ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ แก่ผู้ประกอบการตั้งใหม่เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามนางสมสมัย ทองขาว หรือแม่เลี้ยงหมอน อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 หมู่ 15 ต.แม่ตื่น อ.ลี้ จ.ลำพูน ที่ชาวบ้านบอกว่าเป็นหัวหน้าสาย และเป็นผู้ริเริ่มชักชวนชาวบ้าน ซึ่งนางสมสมัยเปิดเผยว่า ตนเป็นผู้คิดเรื่องนี้ขึ้นมาเอง หลังจากดูข่าวและมองว่าปี 2558 ประชาคมอาเซียนจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสของประชาชน และแม้ตนจะจบแค่ ป.4 แต่ก็คิดออก คิดได้ ไปปรึกษาสำนักงานบัญชี ก็แนะนำให้ความรู้มา มันผิดตรงไหน ในเมื่อทำตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง ประชาชนมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ผิดกฎหมายเพื่อได้เงินมา จะลืมตาอ้าปากได้ ร่ำรวยกับเขาบ้าง

“อย่ามองแค่ว่าหน้าตาบ้านนอก อยู่บ้านนอก อย่ามาดูถูกกัน ที่บ้านก็ไปยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนมาแล้ว 3 บริษัทตามที่ติดป้ายไว้หน้าบ้านหลังนี้”

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของผู้สื่อข่าว พบว่าหมู่ 11 และหมู่ 9 ต.แม่ตื่น อ.ลี้ มีชาวบ้านไปยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนมากที่สุดกว่า 50 ราย และพบว่าบ้านบางหลังเป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ ลักษณะเหมือนกระท่อม แต่ก็ไปขอจดแจ้งเป็นห้างหุ้นส่วน บางรายที่ไปจดทะเบียนขอตั้งห้างมายังไม่ทราบเลยว่าจะดำเนินการแบบไหน ได้เงินมาอย่างไร แต่ยื่นจดทะเบียนก่อตั้งนิติบุคคลเพราะเชื่อตามคำชักชวนของกลุ่มเพื่อนบ้าน ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนเข้าใจว่าเป็นพวกแชร์แบบใดแบบหนึ่งที่กลายพันธุ์มา ทำให้ไม่สนใจที่จะลงทุน เพราะกลัวถูกหลอก

ขณะเดียวกันภาคส่วนราชการยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เพราะยังไม่มีผู้เสียหาย อีกทั้งถือว่าเป็นสิทธิ์ของชาวบ้านที่จะทำ และทำถูกต้องตามระเบียบ แต่ในส่วนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในพื้นที่ เตือนลูกค้าว่าอย่าได้จ่ายเงินลงหุ้นอย่างเด็ดขาด เพราะอาจเป็นการหลอกลวง


กำลังโหลดความคิดเห็น