อุบลราชธานี - ป.ป.ท.ตรวจ 12 โรงเรียนประถมของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 พบใช้วัสดุตัวเดียวกันทั้งหมด พบ 1 โรง มีสนามแคบกว่ามาตรฐาน ขณะผู้บริหารโรงเรียนเผยความในใจเครียดกับเรื่องทุจริตสร้างสนามฟุตซอสจนนอนไม่หลับ
ที่โรงเรียนชุมชนบ้านหัวเรือ ต.หัวเรือ อ.เมืองอุบลราชธานี พ.ต.ท.ทนง เพิ่มพูน ผู้อำนวยการกลุ่มปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 1 นครราชสีมา พร้อมคณะผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 เข้าตรวจสอบโรงเรียนที่เหลืออีก 6 แห่ง ในเขตพื้นที่การศึกษาพบว่า สัญญาจ้างระบุใช้วัสดุแผ่นพลาสติกโพลีพร็อพไพลีน เหมือนกับ 6 โรงแรกที่ตรวจสอบไปแล้ว
จึงขอตัวอย่างแผ่นพลาสติกส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบเป็นชนิดเดียวกันจริงหรือไม่ และทำการเจาะขอบสนามได้ตามมาตรฐานที่ระบุไว้สัญญาจ้างเหมา แต่การตรวจสอบที่โรงเรียนบ้านสว่างหนองเสือ อ.เมือง พบความผิดปกติคือ ขนาดสนามเล็กกว่ามาตรฐานของสนามฟุตซอลทั่วไปคือ กว้างคูณยาวข้างละ 2 เมตร
ซึ่งทางโรงเรียนชี้แจงว่า โรงเรียนมีพื้นที่ไม่เพียงพอ จึงตกลงกับบริษัทลีก้าฟุตซอลจำกัดที่เป็นผู้รับเหมาให้นำคอนกรีตมาเทเสริมถนนให้แทน ป.ป.ท.จึงเก็บรวบรวมข้อมูลใช้พิจารณา
ขณะเดียวกัน นายวรชัย ศิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านหัวเรือ กล่าวเปิดใจว่า ตั้งแต่เกิดข่าวทุจริตสร้างสนามฟุตซอลตามโรงเรียน ทำให้มีผลกระทบทางด้านจิตใจจนนอนไม่หลับ เพราะชาวบ้านในชุมชนมองว่าตนมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
ตอนแรกที่ได้งบประมาณสร้างสนามฟุตซอลรู้สึกดีใจ เพราะไม่เคยได้รับงบประมาณด้านกีฬามากขนาดนี้ เมื่อมีคณะกรรมการมาตรวจโรงเรียนก็จะนำสนามฟุตซอลไปนำเสนอด้วยความภาคภูมิใจ เพราะนอกจากโรงเรียนได้ใช้งานแล้ว ชุมชนใกล้เคียงก็ได้มาใช้สนามเล่นฟุตบอล และจัดแข่งขันกีฬาเป็นประจำ เมื่อ ป.ป.ท.มาตรวจ และเข้าใจครูอย่างตนก็รู้สึกดีใจขึ้นบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ยังรู้สึกเครียดต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่