กาญจนบุรี - สลด! หน่วยปฏิบัติการลาดตระเวน อช.เอราวัณ พบช้างป่าเพศเมียตายขึ้นอืดในบ่อน้ำลึกกว่า 10 เมตร บนยอดเขาพุกลาง เขตของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเอราวัณ คณะสัตวแพทย์รีบไปพิสูจน์ คาดเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 อาทิตย์
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (6 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการลาดตระเวนอุทยานแห่งชาติ (อช.) เอราวัณ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ออกเดินลาดตระเวนป้องกันการบุกรุกผืนไปขึ้นไปบนยอดเขาพุกลาง เขตของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ที่ อว.7 (หนองบอน) หมู่ 3 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พบช้างป่าเสียชีวิตขึ้นอืดอยู่ภายในบ่อน้ำบนยอดเขา จึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
จากนั้น นายปรยุษณ์ ไวว่อง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จึงสั่งการให้ นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ พร้อมกำลังเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมด้วย นายชัชวาล ศิริสมบัติ ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) สพ.ญ.เสวลักษณ์ พาด้วง นายสัตวแพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) สพ.ญ.ศิรินทิพย์ เข็มทอง สัตวแพทย์ประจำสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า สพ.ญ.กิรตา นรเดชานนท์ สัตวแพทย์ประจำสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า พ.ท.สุทธิพงษ์ พืชมงคล รองเสธ ร.29 พัน 2 ร.ต.วิรัช สิทธา หัวหน้าหน่วยดูแลพื้นที่เกษตรกรรม พล.ร.9 ค่ายสุรสีห์ พ.ต.อ.บัณฑิต ม่วงสุขำ ผกก.สภ.ไทรโยค และกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย เดินทางไปตรวจสอบ โดยคณะเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเดินทางขึ้นไปบนยอดเขานานกว่า 1 ชั่วโมง ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปราย
ไปถึงพบช้างเพศเมียอายุประมาณ 10 ถึง 15 ปี นอนเสียชีวิตขึ้นอืดอยู่กลางบ่อน้ำกว้างประมาณ 3 ถึง 4 เมตร ลึกประมาณ 12 ถึง 15 เมตร ลำตัวยาว 2 เมตร 80 เซนติเมตร สภาพศพขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ หน้าท้องลำไส้ไหลทะลักออกมาด้านนอกกองเต็มพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงวางแผนใช้เชือกผูกขาทั้ง 4 ข้าง และพยายามใช้แรงคนดึงขึ้นมาจากบ่อน้ำแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากช้างมีน้ำหนักถึงประมาณ 3 ตัน จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถนำศพของช้างขึ้นมาได้
สพ.ญ.เสวลักษณ์ พาด้วง นายสัตวแพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า การเสียชีวิตของช้างเบื้องต้นคาดว่าคงเกิดจากอุบัติเหตุ เพราะจากสภาพของบ่อน้ำที่ช้างตกลงไปนั้นค่อนข้างเล็ก แต่มีความลึกถึงประมาณ 12 เมตร ขณะเกิดเหตุช้างคงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองเองจนกระทั่งขาดอากาศหายใจ และจมลงไปในบ่อน้ำ จนกระทั่งขึ้นอืดศพจึงลอยขึ้นมาตามธรรมชาติ ในส่วนของลำไส้ที่ไหลทะลักออกมาจะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่งว่าเกิดจากอะไร
เบื้องต้นสันนิษฐานว่า อาจจะถูกตอไม้ที่อยู่ใต้บ่อน้ำแทงเข้าที่ท้องก็เป็นไปได้ และจากสภาพของช้างคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 อาทิตย์ ซึ่งได้แนะนำให้เจ้าหน้าที่ทำลายซากช้างด้วยการเผา เพราะจะเป็นวิธีที่ฆ่าเชื้อโรคได้ดีที่สุด
ด้าน นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ เอราวัณ กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่าในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเอาราวัณ มีช้างป่าอยู่ประมาณ 12 ตัว ส่วนใหญ่จะอาศัยหากินในผืนป่าของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ที่ อว.7 (หนองบอน) จะสังเกตได้จากรอยเท้าและมูลของช้างตามเส้นทางเดินขึ้นไปยังจุดที่พบช้างป่าเสียชีวิต เพราะจุดดังกล่าวเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์
รวมทั้งแหล่งน้ำทางธรรมชาติที่อยู่บนยอดเขาก็มีเป็นจำนวนมาก สำหรับช้างเพศเมียที่เสียชีวิต เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการลาดตระเวนเพื่อป้องกันการบุกรุกผืนป่าไปพบเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา