เชียงราย - สมัชชาสุขภาพเปิดเวที “สุขภาวะชาวนาเชียงราย” พบผลวิจัยชี้ชัดคนเชียงราย 97% จาก 1.2 ล้านคน มีสารพิษปนเปื้อนในร่างกายจนน่าเป็นห่วง เผยแม้แต่แพทย์บางคนก็หนีไม่พ้น
วันนี้ (29 ก.ย.) สมัชชาสุขภาพแห่งชาติจัดเวที “สุขภาวะชาวนา จ.เชียงราย” ที่หอประชุมคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มีนางบุศรินธญ์ วรพัฒนานันท์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธาน มีตัวแทนชาวนาจากทั้ง 18 อำเภอเข้าร่วม
ซึ่งมีการอภิปรายเรื่อง “เหลียวหลังแลหน้าสุขภาวะชาวนา : ทางเลือกทางรอดชาวนาเชียงราย” พร้อมกับแสดงทางวัฒนธรรม การนำเสนอข้อมูลวิจัยพฤติกรรมและความเสี่ยงชาวนาเชียงราย และการอภิปรายแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อสรุปเป็นผลการประชุมนำเสนอต่อสมัชชาสุขภาพแห่งชาติต่อไปด้วย
นายวิรัตน์ พรหมสอน ประธานประเด็นสุขภาวะชาวนาภาคเหนือ กล่าวว่า จ.เชียงราย มีประชากรประมาณ 1.2 ล้านคน แต่จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง(มฟล.) พบว่าประชากรกว่า 97% มีสารพิษปนเปื้อนในร่างกายในปริมาณที่น่าเป็นห่วง แม้แต่แพทย์บางคนก็ยังมีสารพิษตกค้างอยู่ เพราะผู้คนต่างบริโภคอาหารที่ชาวนาเป็นผู้ผลิตออกมาจำหน่าย
ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจ แต่เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะเป็นผลมาจากการที่ประเทศไทยนำเข้าสารเคมีเพื่อการเกษตรเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้เกิดวิกฤตกับชาวนาในหลายด้าน ทั้งด้านต้นทุนการผลิต ปัจจัยการผลิต โดยเฉพาะการไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง จึงทำให้ต้องเช่าที่นาปลูกข้าว เอกชนหวังเพิ่มผลผลิตจึงทำให้ชาวนาเร่งผลิตและใช้สารเคมีมากขึ้นตามมา สถานการณ์จึงเอื้อให้บริษัทรายใหญ่ๆ ถือโอกาสผลิตเพื่อหวังผลกำไร จนก่อให้เกิดปัญหาสุขภาวะในที่สุดดังกล่าว
นายวิรัตน์กล่าวว่า แนวทางการแก้ปัญหาคือ ต้องส่งเสริมให้ชาวนาลดการใช้สารเคมี หันเข้าสู่เกษตรอินทรีย์ และเมื่อทำได้ก็จะผลิตอาหารโดยเฉพาะข้าวที่ปลอดภัยโดยอัตโนมัติ ซึ่งเชียงรายเป็นแหล่งอาหารอันดับต้นๆ ของประเทศ ถ้าทำได้จะเป็นผลดีต่อการผลิตอาหารปลอดภัยอย่างมาก
ทั้งนี้ การจะส่งเสริมให้เกษตรกรลดใช้สารเคมีต้องเริ่มต้นด้วยการให้ชาวนามีที่ดิน ซึ่งปัจจุบันที่ชุมชนของตนได้ตั้งกองทุนที่ดินเพื่อสวัสดิการ ซึ่งมีลักษณะเป็นธนาคารที่ดิน เพื่อให้ชาวนามีกองทุนสะสมสำหรับการจัดซื้อที่ดินทำกินต่อไป ดังนั้นรัฐจึงควรให้การสนับสนุนตั้งธนาคารที่ดินด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาชาวนาได้อย่างมาก
